นายฐากร กล่าวว่า เมื่อประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้ประชาชนจะได้รับประโยชน์ ไม่ต้องสับสนจำเลขช่องที่แตกต่างกันเมื่อดูช่องรายการทีวีดิจิตอลจากแพลตฟอร์มที่ต่างกันต่อไป ไม่ว่าจะดูทีวิดิจิตอลจากจานดาวเทียม หรือเคเบิ้ลทีวี หรือดิจิตอลทีวี กดช่อง 1 ก็จะได้ดูรายการเดียวกัน
สำหรับช่องรายการทีวีดิจิตอลในปัจจุบัน ได้แก่ ช่อง 1 คือ สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 HD1, ช่อง 2 คือ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย, ช่อง 3 คือ ไทยพีบีเอส HD, ช่อง 10 คือ ช่องรัฐสภา
ช่องเด็ก เยาวชน และครอบครัว เริ่มตั้งแต่ช่อง 13 คือ ช่อง 3 แฟมิลี่, ช่อง 14 คือช่อง MCOT Family, ช่อง 15 คือ ช่อง LOCA
ช่องข่าวสารและสาระ เริ่มตั้งแต่ช่อง 16 คือ ช่อง TNN 24, ช่อง 17 คือช่อง ไทยทีวี, ช่อง 18 คือ ช่อง NEW tv, ช่อง 19 คือ ช่อง SPRING NEWS, ช่อง 20 คือ ช่อง BRIGHT TV, ช่อง 21 คือ ช่อง VOICE TV, ช่อง 22 คือ ช่อง NATION TV
ช่องรายการทั่วไป(SD) เริ่มตั้งแต่ช่อง 23 คือ ช่อง WORKPOINT TV, ช่อง 24 คือ ช่อง true 4U, ช่อง 25 คือ ช่อง GMM, ช่อง 26 คือ ช่อง NOW, ช่อง 27 คือ ช่อง 8, ช่อง 28 คือ ช่อง 3SD, ช่อง 29 คือ ช่อง MONO 29
และช่องรายการทั่วไปที่มีความคมชัดสูง(HD) เริ่มตั้งแต่ช่อง 30 คือช่อง MCOT HD, ช่อง 31 คือ ช่อง ONE HD, ช่อง 32 คือ ช่องไทยรัฐ TV, ช่อง 33 คือ ช่อง 3 HD, ช่อง 34 คือ ช่อง AMARIN TV HD, ช่อง 35 คือ ช่อง 7 HD, ช่อง 36 คือ ช่อง PPTV HD
“ตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค. นี้ ประชาชนที่ดูทีวีจะรับชมทุกช่องเหมือนกันหมด ไม่ว่าจะดูผ่านเคเบิ้ลทีวี หรือทีวีดาวเทียม จะเป็นเลขช่องเดียวกับที่ผู้ประกอบการช่องทุกช่องได้เลือกหมายเลขทีวีดิจิตอลตั้งแต่การประมูล ซึ่งเป็นสิ่งที่สำนักงาน กสทช. ได้ผลักดันให้การเรียงเลขช่องเกิดขึ้น และมีผลบังคับใช้ได้จริง" นายฐากร กล่าว