อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่มีผลต่อการบริหารกองทุนฯ โดยตรงคือเหตุการณ์ UNDO ที่เป็นการแก้ไขกฎหมาย เพื่อเปิดโอกาสให้ข้าราชการปัจจุบันและผู้รับบำนาญที่รับราชการก่อน 27 มีนาคม 2540 และสมัครเป็นสมาชิก กบข. สามารถยื่นใช้สิทธิขอกลับไปรับบำนาญสูตร พ.ศ. 2494 ได้ ซึ่งมีสมาชิกที่เป็นข้าราชการปัจจุบันใช้สิทธิไป 248,733 คน หรือร้อยละ 36.74 ของผู้มีสิทธิ UNDO ซึ่ง กบข. ได้จ่ายเงินสะสม เงินสะสมส่วนเพิ่ม (ถ้ามี) และผลประโยชน์ของเงินดังกล่าวคืนให้กับสมาชิกผู้ใช้สิทธิ รวมเป็นเงิน 54,153 ล้านบาท และโอนเงินส่วนของรัฐ คือ เงินประเดิม เงินชดเชย เงินสมทบ และผลประโยชน์ของเงินดังกล่าวไปยังกองสำรองมูลค่า 116,782 ล้านบาท โดย กบข. ได้ดำเนินการดังกล่าวแล้วเสร็จไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
นายสมบัติกล่าวว่า กบข. จึงได้จัดทำแผนการดำเนินงานในปี 2559 ให้สอดรับกับสถานะกองทุนฯในปัจจุบัน โดยงานด้านการลงทุน ได้มีการวางแผนลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภทเพื่อกระจายความเสี่ยง พร้อมปรับสัดส่วนการลงทุนเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของพอร์ตภายใต้กรอบการลงทุนที่กำหนดในระยะยาว และปรับเพิ่มเพดานการลงทุนในต่างประเทศจากร้อยละ 25 เป็นร้อยละ 30 ตามลำดับ
นายสมบัติ กล่าวโดยสรุปว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจการลงทุนจะมีความผันผวน หรือ มีเหตุการณ์ UNDO แต่ กบข. ยังเป็นกองทุนฯที่มีความเข้มแข็ง และสามารถบริหารจัดการด้านการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อัตราผลตอบแทนเป็นไปตามเป้าหมาย คือผลตอบแทนการลงทุนชนะอัตราเงินเฟ้อ โดย ณ สิ้นเดือนตุลาคม อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ร้อยละ 3.59 สูงกว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ร้อยละ 3.74 โดยอัตราเงินเฟ้อ ติดลบอยู่ที่ร้อยละ 0.15 อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยตั้งแต่ตั้งกองทุนฯ อยู่ที่ร้อยละ 6.77
ทั้งนี้มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนฯ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2558 อยู่ที่ 708,054 ล้านบาท เป็นกองทุนส่วนของสมาชิก 343,951 ล้านบาท กองทุนส่วนสำรอง 364,103 ล้านบาท
ส่วนงานด้านสมาชิก กบข. จะเน้นเพิ่มการสื่อสารผ่านพันธมิตรสื่อสาร ประกอบด้วยพันธมิตรตัวแทน พันธมิตรคลังจังหวัด พันธมิตรวิทยากร และพันธมิตรสื่อส่วนราชการ ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของ กบข. อย่างครอบคลุม ครบถ้วน และต่อเนื่อง พร้อมจัดทำโปรแกรมประเมินความเพียงพอของเงินใช้หลังเกษียณ และโปรแกรมประเมินเงินกรณีใช้บริการออมต่อ เพื่อเป็นเครื่องมือคำนวณเงินให้กับสมาชิก ทำให้สมาชิกมีข้อมูลในการตัดสินใจ