ขณะที่ ผลประกอบการไตรมาส 4/58 คาดว่าจะดีกว่าไตรมาส 3/58 เนื่องจากปริมาณการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยมีทิศทางดีขึ้น โดยคาดว่าค่าคอมมิชชั่นจะไม่ต่ำกว่าระดับปัจจุบันที่ 0.18% ขณะที่บริษัทไม่มีนโยบายการแข่งขันด้านราคา แต่จะเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและการให้ความรู้แก่ผู้ลงทุน
สำหรับงานวาณิชธนกิจของกลุ่มบริษัทในปัจจุบัน มีดีลในมือทั้งสิ้น 48 ดีล แบ่งเป็นงานนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยการขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) 24 บริษัท โดยเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นปีนี้ 2 บริษัท ได้แก่ บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) ที่จะเสนอขายหุ้น IPO ในช่วงสัปดาห์นี้ และบมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท (J) ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไปแล้ว ส่วนที่เหลือจะทยอยเข้าจดทะเบียนใน 3-4 ปีข้างหน้า แต่จะมีหุ้น IPO เข้าตลาดหุ้นมากที่สุดในปี 60
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในปี 59 เชื่อว่าจะปรับตัวดีขึ้น ตามภาวะตลาดที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามต้องติดตามภาวะเศรษฐภายในประเทศ คือการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ชัดเจน ขณะที่ยังต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจของต่างประเทศด้วย เช่น เศรษฐกิจสหรัฐฯที่ฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว เศรษฐกิจของสหภาพยุโรป และญี่ปุ่นก็ปรับตัวดีขึ้น สำหรับเศรษฐจีนยังอยู่ในภาวะประคองตัว แต่ก็ถือว่ามีอัตราเติบโตอยู่ในระดับสูง รวมถึงยังต้องติดตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยหากราคาฟื้นตัวขึ้นมาก็จะสะท้อนถึงภาพรวมการบริโภคที่ฟื้นตัวขึ้น