วาระเรื่องแนวทางการตรวจสอบอัตราค่าบริการตามหลักเกณฑ์ประมูลคลื่น 1800 MHz และ 900 MHz หลังจากที่การประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz จำนวน 2 ใบอนุญาต สิ้นสุดลงด้วยเงินประมูลที่สูงถึง 80,778 ล้านบาท ทำให้ผู้บริโภคบางส่วนเกิดความกังวลว่าผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จะผลักภาระต้นทุนมายังผู้บริโภคผ่านการขึ้นอัตราค่าบริการหรือไม่ ซึ่งโดยข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ผู้ให้บริการไม่สามารถคิดค่าบริการแพงกว่าอัตราเฉลี่ยในปัจจุบันได้
เนื่องจากในการจัดประมูลคลื่นความถี่ สำนักงาน กสทช. ได้ประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมย่าน 1800 MHz ที่เพิ่งมีการจัดประมูลเสร็จสิ้นไป และประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมย่าน 900 MHz ซึ่งกำลังจะมีการจัดประมูลเดือนในธันวาคม โดยประกาศทั้งสองฉบับได้ระบุเงื่อนไขไว้ด้วยว่า “ผู้รับใบอนุญาตต้องจัดให้มีบริการที่เป็นธรรม ซึ่งรวมถึงการกำหนดอัตราค่าบริการที่สมเหตุสมผล ไม่เอาเปรียบผู้บริโภค มีความชัดเจน และการให้บริการที่มีคุณภาพ" ซึ่งผู้รับใบอนุญาตจะต้องกำหนดอัตราค่าบริการทั้งบริการเสียงและบริการข้อมูลเฉลี่ยต่ำกว่าอัตราค่าบริการเฉลี่ยของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใช้คลื่นความถี่ย่าน 2100 MHz และต้องจัดให้มีรายการส่งเสริมการขายอย่างน้อย 1 รายการที่ส่งเสริมและเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงบริการได้ โดยรายการส่งเสริมการขายนี้ต้องคิดอัตราค่าบริการตามการใช้งานจริงด้วย
สำหรับวาระนี้ สำนักงาน กสทช. ได้จัดทำแนวทางการตรวจสอบอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อให้เป็นไปตามประกาศหลักเกณฑ์ทั้งสองฉบับ โดยสำนักงาน กสทช. ได้คำนวณอัตราค่าบริการเฉลี่ยของการใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่บนย่าน 2100 MHz ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2558 เพื่อใช้เป็นฐานสำหรับการกำกับดูแลอัตราค่าบริการบนย่าน 1800 MHz และ 900 MHz ซึ่งผลการคำนวณอัตราค่าบริการประเภทเสียงอยู่ที่นาทีละ 0.72 บาท บริการ SMS อยู่ที่ข้อความละ 1.24 บาท บริการ MMS อยู่ที่ข้อความละ 2.93 บาท และบริการ Mobile Internet อยู่ที่เมกะไบต์ละ 0.26 บาท
อย่างไรก็ตาม มีข้อน่าสังเกตว่า อัตราค่าบริการที่สำนักงาน กสทช. คำนวณได้ในบางรายการ มีอัตราค่าบริการสูงกว่าอัตราค่าบริการเฉลี่ยเมื่อสิ้นปี 2557 เสียอีก ทั้งนี้ตามรายงานติดตามตรวจสอบและกำกับค่าบริการสำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากลย่านความถี่ 2100 MHz ฉบับประจำเดือนธันวาคม 2557 ระบุว่า อัตราค่าบริการประเภทเสียงอยู่ที่นาทีละ 0.66 บาทเท่านั้น ส่วนอัตราค่าบริการ Mobile Internet อยู่ที่เมกะไบต์ละ 0.23 บาท จึงเป็นประเด็นที่น่าเคลือบแคลงว่าเหตุใดในการคำนวณครั้งนี้กลับมีราคาที่แพงขึ้น ทั้งที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่าอัตราค่าบริการของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ผ่านมามีแนวโน้มถูกลงมาโดยตลอด
ดังนั้นเพื่อให้เกิดความชัดเจน สำนักงาน กสทช. ก็ควรเปิดเผยต่อสาธารณะถึงวิธีการคำนวณอัตราค่าบริการเฉลี่ยโดยละเอียด รวมทั้งรายการส่งเสริมการขายทั้งหมดที่นำมาคำนวณด้วย จะได้ขจัดข้อครหาเรื่องการเอื้อประโยชน์ต่อผู้ให้บริการ หรือการไม่คุ้มครองผู้บริโภคอย่างที่ควรจะเป็น
นอกจากนี้ หากสำนักงาน กสทช. ยังคงเลือกใช้แนวทางการคำนวณอัตราค่าบริการเฉลี่ยในรูปแบบเดิม ในการคำนวณอัตราค่าบริการเฉลี่ยของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่บนย่าน 2100 MHz ครั้งนี้ ก็ควรมีการปรับปรุงให้มีความถูกต้องแม่นยำมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาเคยมีนักวิชาการชี้จุดบกพร่องในหลายประเด็น เช่น การคำนวณอัตราค่าบริการประเภทเสียงของรายการส่งเสริมการขายประเภทเหมาจ่ายตามช่วงเวลา (Buffet) มีการคำนวณโดยนำอัตราค่าบริการมาหารเฉลี่ยนาทีทั้งหมดตามรายการส่งเสริมการขาย ซึ่งทำให้ผลลัพธ์การคำนวณที่ได้ต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะพฤติกรรมการใช้บริการโดยปกติของคนทั่วไปไม่ได้ใช้งานทุกนาทีอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงเวลาดังกล่าว หรือการคำนวณอัตราค่าบริการโดยอาศัยเพียงข้อมูลอัตราค่าบริการของรายการส่งเสริมการขายแต่ละรายการโดยไม่มีการถ่วงน้ำหนัก ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว รายการส่งเสริมการขายในแต่ละรายการมีจำนวนผู้ใช้บริการมากน้อยแตกต่างกัน เป็นต้น ดังนั้นสำนักงาน กสทช. ควรปรับปรุงแนวทางในครั้งนี้เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ใช้บริการตามวัตถุประสงค์ของประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ฯ ได้อย่างแท้จริง