นายธรณ์ ประจักษ์ธรรม กรรมการผู้จัดการ TOG คาดว่า รายได้ปีนี้น่าจะทำได้ใกล้คียงกับปีก่อนที่มีรายได้ 1.86 พันล้านบาท และจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 5-7% ในช่วง 5 ปี(ปี 59-63) ตามแผนปรับกลยุทธ์เจาะเข้าตลาด AEC มากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 10-15% ในช่วง 5 ปี จาก 8% ในปีนี้ และตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 10%
โดยในปีหน้าจะรุกหนักใน 3 ประเทศ ที่มีบริษัทร่วมทุนในสิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม ซึ่ง TOG ถือหุ้นบริษัทร่วมทุน แห่งละ 30%โดยจะเน้นการใช้เลนส์ที่เป็นเฮ้าส์แบรนด์ ชื่อ"TOG Exelite" ที่จับลูกค้าระดับกลางถึงระดับสูง ซึ่งช่วยเพิ่มมาร์จื้นดีกว่าธุรกิจการรับจ้างผลิต(OEM) ที่จับลูกค้าระดับบนอย่างเดียว
"เราต้องปรับกลยุทธ์ เราเริ่มให้ความสำคัญ AEC ในปี 59 เราจะมุ่งเน้นมาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม โดยเวียดนามมีการเติบโตสูงแต่กำลังซื้อยังไม่จับตลาดพรีเมียม สิงคโปร์ตลาดเล็กแต่ขายสินค้าพรีเมียมได้ดี แต่การแข่งขันรุนแรง ในมาเลเซีย ปีนี้น่าจะ under perform ได้รับผลกระทบจากเงินตราต่างประเทศ"นายธรณ์ กล่าว
นายธรณ์ กล่าวว่า บริษัทยังเตรียมขยายเข้าร่วมทุนในอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเมียนมาร์ จากที่มีคู่ค้าในประเทศเหล่านี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่น เพื่อร่วมมือกันตั้งบริษัทร่วมทุนที่ถือหุ้นไม่ต่ำกว่า30% หรืออาจจะซื้อกิจการ โดยบริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดเป็น 1 ใน 3 ของผู้นำตลาดเลนส์สายตาใน AEC ที่มีมูลค่าตลาด 5-6 พันล้านบาทภายใน 5 ปีนี้
อีกทั้ง บริษัทมีสินค้าหลากหลายมากขึ้นหลังจากบริษัทเข้าซื้อบริษัท โพลีซัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตเลนส์ย้อมสี และเลนส์โพลาไรส์ หรือเลนส์ตัดแสง รวมถึงเลนส์กันแดดเพิ่มขึ้น ซึ่งทำส่งออก 100% ส่งผลดีต่อธุรกิจบริษัทที่สามารถขยายไลน์สินค้าได้กว้างขวางมากขึ้น พร้อมรับความต้องการที่พิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ขณะเดียวกันในปีหน้า บริษัทจะรุกตลาดสหรัฐมากขึ้นหลังจากที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวเทียบกับดอลลาร์สหรัฐทำให้สามารถสู้ราคาแข่งขันได้ โดยปัจจุบันสัดส่วนตลาดหลักยังอยู่ที่ยุโรป 40% ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ 30% เอเชีย 20% และทวีปอเมริกา 10%
ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งงบลงทุนในช่วง 5 ปีจากนี้ ที่ปีละ 150-200 ล้านบาท ซึ่งยังไม่นับรวมการลงทุนในโครงการใหม่ๆ แต่จะเป็นงบลงทุนเพื่อใช้ในการปรับปรุงโรงงานให้มีการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ โดยปีหน้ามีแผนรวมโรงงานที่แคราย ซึ่งเช่าอยู่นั้น ให้ย้ายมาอยู่ที่บางบัวทอง ซึ่งมีอยู่ 2 โรงงาน โดยการรวมโรงงานยังคงกำลังการผลิต 27 ล้านชิ้นต่อปี และจะเพิ่มการใช้กำลังการผลิตมาที่กว่า 80% จาก 60%ในปัจจุบัน จะทำให้บริษัทลดต้นทุนค่าใช้จ่าย โดยจะเห็นชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่คาดว่าการดำเนินการจะแล้วเสร็จปลายปีหน้า นอกจากนี้ในพื้นที่รอบโรงงานบางบ้วทองยังมีพื้นที่เหลือ 35-40% ที่จะขยายกำลังการผลิตได้อีกในอนาคตด้วย
นายธรณ์ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้นับว่าโดดเด่นกว่าปีที่ผ่านๆ มา เนื่องจากมีปัจจัยบวกมาสนับสนุนธุรกิจหลายอย่าง ทั้งยอดขายเลนส์พลาสติกที่เติบโตต่อเนื่อง ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงช่วยให้รายรับจากการส่งออกเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังได้กำไรจากการซื้อหุ้นบริษัท โพลีซัน จำนวน 9.3 ล้านบาท ที่ได้บันทึกในไตรมาส 3/58 รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี ทำให้คาดว่ากำไรปีนี้จะดีกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 203 ล้านบาท
โดยในไตรมาส 4/58 คาดว่าจะมีรายได้ดีกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ประมาณ 400 ล้านบาท เพราะมีรายได้จากโพลีซันเข้ามา โดยโพลีซันมีรายได้ปีละ 70-80 ล้านบาท และเงินบาทอ่อนหนุนให้มีรายได้สูงขึ้น