อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิคาดว่าจะใกล้เคียงปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 8.42 พันล้านบาท โดย 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4.53 พันล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 4/58 บริษัทจะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายโรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์พอยต์ เทอมินอล 21 ให้กับกอง LHHOTEL มูลค่ากอง 4 พันล้านบาท เข้ามาเป็นกำไรพิเศษ และส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาส 4/58 เป็นไตรมาสที่มีกำไรโดดเด่น
ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/58 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิและรายได้มากกว่าไตรมาส 3/58 และมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทเห็นสัญญาณของการขายและการโอนโครงการอสังหาริมทรัพย์เริ่มดีขึ้นมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนก.ย.ที่ผ่าน หลังจากรัฐบาลส่งสัญญาณจะเข้ามากระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้คาดว่าจะดีขึ้นจากไตรมาส 3/58 ส่งผลให้ความเชื่อมั่นกลับมา และเริ่มเห็นการซื้อและการโอนโครงการต่างๆเพิ่มมากขึ้น
"แผนปีหน้าตอนนี้อยู่ระหว่างการวางแผน แผนคงจะเสร็จประมาณช่วงกลางเดือนธ.ค.นี้ ส่วนแนวโน้มตลาดอสังหาฯ ในปีหน้าก็มองว่าอาจจะทรงตัวจากปีนี้ เพราะภาวะเศรษฐกิจไทยคงยังไม่ฟื้นตัวอย่างก้าวกระโดด แต่จะค่อยๆฟื้นขึ้น ซึ่งการที่เศรษฐกิจไทยยังไม่เห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนอาจจะทำให้ความเชื่อมั่นยังไม่กลับมาดีขึ้นมากนัก และจะยังมีผลต่อการตัดสินใจซื้อที่ยังชะลอตัวอยู่บ้างตามมา แม้ว่ารัฐจะพยายามลงทุนโครงการต่างๆที่ทำให้เม็ดเงินไหลเข้าระบบ แต่ยังต้องใช้ระยะเวลาสักพักกว่าทุกอย่างจะกลับมาดีขึ้นอย่างชัดเจน"นายนพร กล่าว
นายนพร กล่าวว่า ด้านความคืบหน้าการลงทุนโครงการศูนย์การค้าและโรงแรมนั้นในช่วงต้นปี 59 บริษัทจะเริ่มก่อสร้างโครงการศูนย์การค้าและโรงแรม ที่พัทยา จ.ชลบุรี บนพื้นที่ 33 ไร่ ใกล้กับวงเวียนปลาโลมา มูลค่าโครงการ 5 พันล้านบาท โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2 ปีข้างหน้า ส่วนมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ของบริษัทปัจจุบันมีอยู่ที่ 1.6-1.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนภายในปี 59-60