ส่วนหุ้น PTTEP อยู่ที่ 71 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท(+1.07%)มูลค่าซื้อขาย 32.24 ล้านบาท
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า ราคาน้ำมันดิบพุ่ง หลังเหตุการณ์เครื่องบินขับไล่ของรัสเซียถูกตุรกียิงตก สร้างความกังวลต่อสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง สัญญาน้ำมันดิบ WTI และ BRENT ส่งมอบม.ค.2016 ปิด +1.12 และ 1.29 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปิดที่ 42.87 และ 46.12 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลตามลำดับ ปัจจัยจับตา คือ สถานการณ์การเมืองโลก และรายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์สหรัฐ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าจะขยับขึ้นอีก 1.1 ล้านบาร์เรล
ส่วนบล.กรุงศรี ระบุว่า หุ้นกลุ่มน้ำมันมีโอกาสปรับขึ้นวันนี้ แต่เป็นเพียงระยะสั้น ตามการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบ WTI เมื่อคืนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีหากราคาหุ้นน้ำมันปรับขึ้นแรงแนะนำขายทำกำไร เพราะเชื่อว่าเหตุการณ์นี้ยังไม่บานปลาย ดังนั้นราคาน้ำมันดิบจึงปรับขึ้นชั่วคราวเท่านั้น แต่ด้วยปัญหาภาวะน้ำมันดิบที่ล้นตลาดและโอเปกไม่ยอมลดกำลังผลิตจะยังกดดันราคาน้ำมันดิบให้อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง
ด้านบล.คันทรี่ กรุ๊ป แนะ"เก็งกำไร"หุ้น PTTEP มองเป็นตัวแทนของการเก็งกำไรของราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น และได้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่ชัดเจนมากขึ้นของการเตรียมเปิดประมูลสัมปทานรอบ 21 ในช่วงกลางปี 59 พร้อมคาดไตรมาส 4/58 พลิกมาเป็นกำไร จากที่คาดไม่ตั้งด้อยค่าเพิ่ม