(เพิ่มเติม) EGCO คาดกำไรแตะ 1 หมื่นลบ.ในปี 60 เดินหน้าเพิ่มสัดส่วนลงทุนตปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 25, 2015 17:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชนินทร์ เชาวน์นิรัติศัย กรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่ของ บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) เปิดเผยว่าบริษัทยังให้ความสำคัญกับการขยายการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าที่มีความเชี่ยวชาญ โดยตั้งเป้าหมายที่จะเป็นบริษัทพลังงานในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมรักษาอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น(ROE) อย่างน้อย 10% ขณะที่คาดว่าภายในปี 60 บริษัทจะสามารถทำกำไรได้ในระดับ 10,000 ล้านบาท ซึ่งไม่นับรวมรายการพิเศษ และคาดว่ากำไรของบริษัทจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 6%
"เรามั่นใจว่าในปี 60 จะมีกำไร 1 หมื่นล้านบาท เรามีโครงการอยู่ในมือ ในปี 60 จะมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 5,515 เมกะวัตต์ จากปัจจุบัน 3,795 เมกะวัตต์ และยังมีโครงการที่มีแนวโน้มจะเข้ามาอีก"นายชนินทร์ กล่าว

นายชนินทร์ กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีข้างหน้าบริษัทจะให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่มีฐานทางธุรกิจอยู่แล้ว ได้แก่ ฟิลิปปินส์ และ สปป.ลาว รองลงมาคือ อินโดนีเซีย และ ออสเตรเลีย รวมถึงจะพิจารณาโอกาสการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียนอื่น เช่น เมียนมาร์ เวียดนาม และมาเลเซีย โดยตั้งเป้าหมายให้มีสัดส่วนรายได้จากการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 50% ในปี 63 จากปัจจุบันอยู่ที่ 37% ขณะเดียวกันบริษัทมีความพร้อมเต็มที่สำหรับการลงทุนในประเทศหากมีโอกาส

ปัจจุบัน บริษัทยังมีโครงการในต่างประเทศที่อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการไซยะบุรีที่สปป.ลาว ซึ่งมีความก้าวหน้าโครงการแล้ว 51% คาดจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) ในต.ค. 62 โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินซานบัวนาเวนทูรา และมาซินลอค ส่วนขยายในฟิลิปปินส์ คาด COD ในปี 62 รวมปริมาณไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 505 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทเตรียมเงินลงทุนทั้ง 3 โครงการนี้ประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาท

ส่วนโครงการในประเทศที่อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าขนอม หน่วยที่ 4 จ.นครศรีธรรมราช คาดจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) มิ.ย. 59 , โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ชัยภูมิ วินด์ฟาร์ม จ.ชัยภูมิ คาด COD ธ.ค.59 , โครงการทีพีโคเจน และ เอสเค โคเจน จ.ราชบุรี ทั้งสองแห่งคาด COD ในต.ค. 60 และโครงการทีเจ โคเจน จ.ปทุมธานี คาด COD มิ.ย.60 รวมปริมาณพลังงานไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 1,338 เมกะวัตต์ ซึ่งทั้ง 5 โครงการจะใช้เงินลงทุนประมาณ 4.9 หมื่นล้านบาท

ดังนั้น ในช่วง 5 ปี (ปี 59-63 ) บริษัทจะใช้เงินลงทุนรวม 9.1 หมื่นล้านบาท โดยเป็นเงินกู้ 75% ที่เหลือ 25% มาจากส่วนทุน เพื่อใช้ลงทุนโครงการทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ ในปี 59 จะใช้เงินลงทุนจำนวน 2.2 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงปี 58 ที่ตั้งงบที่ 2.2 หมื่นล้านบาท โดยไม่รวมการลงทุนในโครงการใหม่ ทั้งนี้ในปี 62 EGCO จะมีกำลังการผลิตรวมกว่า 5,900 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ยังมีโครงการที่บริษัทอยู่หว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนประมาณ 6 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการในประเทศและโครงการในกลุ่มประเทศอาเซียน ได้แก่ สปป.ลาว เมียนมาร์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้บริษัทอย่างต่อเนื่อง

นายชนินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้มีอยู่ 3 โครงการที่มีแนวโน้มจะเข้าลงทุนได้ก่อน โดยคาดว่าจะได้ความชัดเจนต้นปี 59 ได้แก่ โรงไฟฟ้าถ่านหินในเวียดนาม กำลังผลิต 1,200 เมกะวัตต์ ซึ่งเบื้องต้นจะเข้าร่วมทุน 30% โรงไฟฟ้าก๊าซฯในเมียนมาร์ ซึ่งร่วมทุนกับบมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนท์ ฝ่ายละ 50% ขนาดกำลังการผลิต 400 เมกะวัตต์ สร้างในเขตนิคมอุตสาหกรรมทวาย และ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพ"สตาร์ เอ็นเนอร์ยี่"ส่วนขยาย อีก 60 เมกะวัตต์ ในอินโดนีเซีย จากปัจจุบันที่ได้เข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าดังกล่าวที่มีขนาด 227 เมกะวัตต์ โดยบริษัทถือ 20% หรือคิดเป็น 45.40 เมกะวัตต์ ซึ่งเดินเครื่องผลิตเมื่อปี 43

นอกจากนี้ ในสปป.ลาวมีอีกหลายโครงการที่เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำซึ่งจะเป็นโครงการใหม่ที่จะขายไฟฟ้ากลับมายังประเทศไทย อาทิ เช่น โรงไฟฟ้าน้ำเทิน 1 รวมทั้งยังเห็นโอกาสการลงทุนในฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินเดียซึ่งมีความเสี่ยงการนำเงินกลับประเทศและจีนที่ยังมีความเสี่ยงโครงการเพราะซื้อขายไฟฟ้าปีต่อปี

"ในระยะสั้น เราพยายามลงทุนโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว เพื่อให้รับรู้รายได้ได้เร็ว ในระยะยาว เราจะลงทุนและพัฒนาโรงไฟฟ้าใหม่ ในพื้นที่ที่เรามีโรงไฟฟ้าอยู่แล้ว หรือการลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่ (green field) เพื่อสร้างรายได้ในระยะยาวต่อเนื่อง ส่วนโอกาสในประเทศมีไม่มากนักในระยะนี้ โอกาสพลังงานหมุนเวียนมีน้อย การแข่งขันค่อนข้างสูง แต่เราเตรียมพร้อมโรงไฟฟ้า IPP ไม่ว่าจะเป็นถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง เราบอกกับทางนโยบายว่าถ้ามีเหตุเปลี่ยนแปลง ความจำเป็นใดๆ EGCO ทำได้" กรรมการผู้จัดการใหญ่กล่าว

ทั้งนี้ EGCO ได้เตรียมพร้อมการลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินบีแอลซีพี เฟส 2 กำลังการผลิต 1 พันเมกะวัตต์ งบลงทุนประมาณ 7.2 หมื่นล้านบาท โดย EGCO ร่วมทุนกับ BANPU ฝ่ายละ 50% จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 1.4 พันเมกะวัตต์ ส่วนโรงไฟฟ้าระยอง ขณะนี้ขายเครื่องจักร และทำการศึกษาว่าพื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้าในปัจจุบันนั้นจะเหมาะสมสำหรับจะพัฒนาโครงการใดต่อไป

อนึ่ง นายชนินทร์ เข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ EGCO ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.58 แทนนายสหัส ประทักษ์นุกูล ที่หมดอายุสัญญาจ้างในวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา

ด้านนายปิยะ เจตะสานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบัญชีและการเงิน EGCO กล่าวว่า ผลขาดทุนในไตรมาส 3/58 ส่วนใหญ่เป็นผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นเพียงการขาดทุนทางบัญชี เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีหนี้ที่เป็นเงินสกุลดอลลาร์ 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากหนี้รวมทั้งหมด 8.4 หมื่นล้านบาท เมื่อเงินบาทอ่อนค่าทำให้เกิดผลขาดทุน อย่างไรก็ตาม บริษัทมีรายได้เป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในจำนวนใกล้เคียงกับหนี้ และยังทำประกันความเสี่ยงซึ่งตามนโยบายให้ทำได้ 100%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ