โดยปี 59 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากคาด 2.5 พันล้านบาทในปีนี้ เนื่องจากมีการลงทุนภาครัฐและเอกชนเป็นปัจจัยสนับสนุน นอกจากนี้บริษัทจะยังรับรู้รายได้งานในมืออีกราว 900 ล้านบาท จากงานในมือทั้งหมดที่มีในปัจุบัน 1.5 พันล้านบาท ซึ่งจะช่วยหนุนให้กำไรสุทธิในปีหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากปีนี้ด้วย
ขณะเดียวบริษัทได้ยื่นประมูลงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน มูลค่า 2-3 พันล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ผลการประมูลภายในช่วงปี 59 ซึ่งบริษัทคาดหวังจะได้รับงานมากกว่า 60% นอกจากนี้บริษัทมีความพร้อมในการรับงานต่อจากผู้ประมูลด้านขนส่งมวลชนโทรคมนาคม DATA Center จะช่วงเพิ่มมูลค่างานในมือมากขึ้น
ส่วนผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทได้ปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้เป็นเติบโต 35-40% มาอยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท จากเป้าเดิมที่โต 20% หลังในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ทำรายได้เติบโต และในช่วงไตรมาส 4/58 จะรับรู้รายได้จากงานในมืออีกว่า 600 ล้านบาทด้วย ซึ่งจะหนุนให้รายได้ในไตรมาส 4 ใกล้เคียงกับไตรมาส 3/58 ด้วย โดยสัดส่วนรายได้ปีนี้มาจากการผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่าย 62% ผลิตภัณฑ์ที่บริษัทซื้อมาเพื่อจำหน่ายต่อ 14% งานบริการ 16% และรายได้จากการรื้อถอนโรงไฟฟ้า 8% นอกจากนี้บริษัทยังได้งานโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีเขียว มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท
"เราได้ปรับรายได้เพิ่มขึ้นเมื่อไม่นานนี้เป็นเติบโต 35-40 % จากเดิม 20 % เพราะว่า 9 เดือนที่ผ่านมาผลงานออกมาดี และเรามีงานในมือเพิ่มขึ้น ซึ่งเราก็มองว่าการลงทุนของรัฐน่าจะช่วยหนุนเราด้วย และการเติบโตของรายได้นั้นส่งผลให้กำไรสุทธิเราทำนิวไฮในปีนี้ และต่อเนื่องไปถึงปีหน้าอีก เพราะ 9 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้กำไรสุทธิของเราก็มากกว่าปีที่แล้วทั้งปีแล้ว ส่วนอัตรากำไรสุทธิปีนี้น่าจะจบที่ 8% จากปัจจุบันที่ 7.42% ซึ่งเป็นไปตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนคงที่ลดลง"นายไพบูลย์ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า สำหรับแผนจัดตั้งสาขาในต่างจังหวัด 10 แห่งบริเวณเขตชายแดน เช่น จังหวัดอุดรธานี, จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดตาก เพื่อเป็นตัวกลางในการติดต่อลูกค้าและบริการหลังการขายนั้น มีความล่าช้าออกไปบ้าง เนื่องจากบริษัทพิจารณาสถานที่ตั้งและบุคลากร โดยคาดว่าการจัดตั้งสาขาดังกล่าวจะใช้เงินลงทุนรวม 30 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทมีความสนใจลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนและประเมินมูลค่าการลงทุนที่เหมาะสม โดยอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรทำโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ โดยการลงทุนนั้นบริษัทต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าในการลงทุนเสมอ ทำให้ยังไม่รีบร้อนที่จะตัดสินใจในขณะนี้ ด้านการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้น ASEFA อย่างต่อเนื่องในหลายวันที่ผ่านมารวมไปถึงวันนี้นั้น มองว่าน่าจะเกิดจากการที่นักลงทุนเห็นถึงผลประกอบการที่ออกมาดีในไตรมาส 3/58 และภายหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯนักลงทุนต่างมีความเข้าใจถึงธุรกิจของบริษัทมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังได้รับประโยชน์จากโครงการรัฐที่จะเริ่มทยอยออกมาในปีหน้ามากขึ้นเข้ามาสนับสนุน
"ราคาหุ้นที่วิ่งแรงในช่วงหลายวันที่ผ่านมารวมถึงวันนี้ด้วย อาจจะเป็นเพราะนักลงทุนเห็นว่างบไตรมาส 3/58 ออกมาดี และเขาก็เข้าใจธุรกิจมากขึ้นหลังจากเราเข้าตลาดแล้ว นอกจากนี้ยังมีการลงทุนรัฐเข้ามาสนับสนุนเราด้วย ซึ่งภาครัฐน่าจะมีโครงการลงทุนต่างๆออกมาเยอะในปีหน้าอีกด้วย"นายไพบูลย์ กล่าว