"บริษัทมีความกังวลในเรื่องของงานที่จะเข้าประมูลจะชะลอออกไป จึงไม่ได้นำมาเป็นปัจจัยหลักในปีหน้า ขณะเดียวกันหากได้รับงานก็อาจจะเห็นผลชัดเจนในช่วงปลายปี 59 มากกว่า และรายได้ก็น่าจะมีการรับรู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ประกอบกับบริษัทมีการแข่งขันด้านราคา ซึ่งส่งผลต่อตัวกำไรขั้นต้นที่จะลดลง แต่มองว่าจะลดลงไม่มากนัก"นางสาวเปรมภาว์ กล่าว
นางสาวเปรมภาว์ กล่าวว่า รายได้ในปีหน้าจะเป็นการทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ ของโครงการ Ichthys Onshore LNG-Module เป็นหลัก ขณะที่ก็อยู่ระหว่างรอผลการประมูลงานในโครงการ Potential Projects มูลค่ารวม 2.5 แสนล้านบาท แบ่งเป็น งาน LNG Project in Mozambique, LNG Project in Canada (C),LNG Project in Canada (P),LNG Project in Canada (K),LNG Project in Canada (W), PIPING for LNG in Mozambique, Steel Mill Project in Africa, Mining Prject in Australia และ Stadium Project in Japan ซึ่งคาดว่าจะทยอยทราบผลประมูลดังกล่าวได้ในปี 59
สำหรับปีนี้ บริษัทคาดรายได้จะใกล้เคียงกับปีก่อน ที่ทำได้ราว 1.2 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิที่จะลดลงกว่าปีก่อน หรือมาอยู่ที่ 2 พันล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท จากงานโครงการที่ชะลอออกไป หลังราคาน้ำมันปรับตัวลดลง รวมถึงงานโครงการ Ichthys Onshore LNG-Module ที่ใกล้เสร็จแล้ว ส่งผลทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ น่าจะทำได้ในระดับ 20% และอัตรากำไรสุทธิที่ 19%
ส่วนแผนการเข้าซื้อหุ้นคืนของบริษัท (Treasury Stock) ในวงเงินไม่เกิน 2 พันล้านบาท เพื่อซื้อหุ้นคืนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่เกิน 162,518,147 หุ้น พาร์หุ้นละ 0.25 บาท คิดเป็นไม่เกิน 10% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการบริษัทฯ ว่าจะเข้าซื้อหุ้นในราคาเท่าใด ซึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการในสัปดาห์หน้า ก็คาดว่าน่าจะเห็นความคืบหน้าของเรื่องนี้