ดังนั้น เชื่อมั่นว่าทั้งปี 58 จำนวนผู้โดยสารตามเป้าหมายที่ 14.5 ล้านคน และ Load Factor เฉลี่ยที่ 82% และปีหน้าตั้งเป้าจำนวนผู้โดยสารที่ 16.5 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 2 ล้านคน และ Load Factor เฉลี่ยที่ 82% เท่าปีนี้ และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) ดีขึ้นกว่าปีก่อนมาที่กว่า10% ทำให้กำไรเติบโตอย่างเห็นได้ชัด
โดยปีหน้าจะรับมอบเครื่องบินใหม่ แอร์บัส เอ320 อีก 5 ลำ ซึ่งเท่ากับรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มอีก 2 ล้านคน สิ้นปี 59 จะมีเครื่งบินรวม 50 ลำ และจะรับมอบเครื่งบินอีก 10 ลำ ในปี 60-61 ปีละ 5 ลำ จนครบ 60 ลำ
นายธรรศพลฐ์ คาดว่าผลประกอบปี 59 จะดีกว่าปี 58 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัว โดยเฉพาะในประเทศ ขณะที่ภาพธุรกิจการท่องเที่ยวก็ยังเติบโตต่อเนื่อง ยุโรปมีปัญหาความไม่สงบ เงินบาทยังอ่อนค่าซึ่งเป็นปัจจัยเอื้อการท่องเที่ยวไทย
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังกังวลกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่า เพราะบริษัทมีหนี้ที่เป็นเงินสกุลดอลลาร์อยู่มาก ทั้งนี้ ได้ทำประกันความเสี่ยงไว้ล่วงหน้า 3 เดือนแล้ว ที่ระดับ 35.6 บาท/ดอลลาร์ ส่วนราคาน้ำมันได้ทำประกันความเสี่ยงไว้ 30% ของราคาน้ำมันอากาศยาน เฉลี่ยที่ราคา 63-65 เหรียญ/บาร์เรล ปีหน้าคาดว่าจะเฮดจิ้งถึง 100%
ปัจจุบัน ไทยแอร์เอเชียมีส่วนแบ่งการตลาดการบินในไทยเป็นอันดับหนึ่ง หรือมี 26% รองลงมาเป็น นกแอร์ มีส่วนแบ่งฯ 24% และอันดับ 3 สัดส่วน 16% เป็นของการบินไทยและไทยสมายล์
ส่วนการเปิดจุดบินไหม่ คาดเปิดเที่ยวบินที่อินเดีย จำนวน 2 เมือง และจะเพิ่มความถี่เที่ยวบิน จากฐานปฏิบัติการบินหนึ่งไปอีกแห่งหนึ่ง โดยปัจจุบันมี 5 แห่ง ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต ดอนเมือง กระบี่ และอู่ตะเภา
"ปีหน้าเราจะนิ่งๆ เปิดเที่ยวบินแค่ที่อินเดีย ส่วนจีน หยุดไว้ก่อน จะเพิ่มความถี่เที่ยวบิน เปิดบิน hub ต่อ hub"นายธรรศพลฐ์ กล่าว
ในวันนี้ไทยแอร์เอเชียเริ่มเปิดให้บริการเที่ยวบินปฐมฤกษ์ 4 เส้นทางใหม่ จากท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา สู่เชียงใหม่ อุดรธานี สิงคโปร์ และมาเก๊า อัตราขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) สูงกว่า 80% พร้อมเปิดตัวท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาเป็นฐานปฏิบัติการบินแห่งที่ 5 เพื่อเชื่อมภาคตะวันออกของไทยสู่ปลายทางต่างๆ ทั้งภายในและระหว่างประเทศก็ได้รับการตอบรับอย่างดี ทั้งจากท่าอากาศยานอู่ตะเภาที่สร้างความมั่นใจในการรองรับผู้โดยสารและมีแผนพัฒนาที่ชัดเจน เมืองพัทยา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งเราเชื่อว่าฐานปฏิบัติการบินที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภาจะเติบโตได้
ปัจจุบัน ไทยแอร์เอเชียมีเครื่องบินแอร์บัสเอ 320 ประจำการ 2 ลำ เพื่อให้บริการบินตรงจากท่าอากาศยานอู่ตะเภา สู่ 8 เส้นทาง คือ กัวลาลัมเปอร์ หนานหนิง หนานบาง ซึ่งเปิดบินไปแล้ว อีก 4 เส้นทางใหม่ อุดรธานี สิงคโปร์ มาเก๊า เริ่มเปิดให้บริการ ในวันที่ 27 พ.ย.นี้ และเส้นทางหาดใหญ่ที่จะเริ่มบินในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ ทั้งหมดรวม 46 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
สำหรับผู้โดยสารที่ใช้บริการที่ฐานปฏิบัติการบินอู่ตะเภาสามารถเดินทางสะดวกยิ่งขึ้นด้วยบริการบินต่อรถ (City Transfer) กับแอร์เอเชีย โดยมีบริการเชื่อมต่อจากท่าอากาศยานสู่เมือง 3 เส้นทาง คือ พัทยา ระยอง และเกาะเสม็ด นอกจากนี้ ยังมีรถโดยสารของเมืองพัทยาให้บริการเส้นทางไป-กลับ อู่ตะเภา-หาดจอมเทียน-พัทยา
ด้านพล.ร.ต.วรพล ทองปรีชา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานอู่ตะเภา เปิดเผยว่า ขณะนี้มีสายการบิน 5-7 แห่ง อยู่ระหว่างเจรจาที่จะขอเข้าทำการบินที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ได้แก่ โอเคแอร์ไลน์จากจีน อิมิเรตแอร์ไลน์ จากสหรัฐอิมิเรต ไทยสมายล์แอร์ไลน์ ฮ่องกงแอร์ไลน์ เป็นต้น จากปัจจุบันมีสายการบินไทยแอร์เอเชีย กานต์แอร์ บางกอกแอร์เวยส์ ทำการบินอยู่ และยังมีสายการบินเซาท์ไชน่า แอร์ไลน์ จะเริ่มทำการบินในเดือน ม.ค.59
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 ทึ่คาดจะเปิดให้บริการกลางปี 59 โดยสามารรองรับผู้โดยสารได้ 3 ล้านคนต่อปี จากอาคารผู้โดยสารปัจจุบันรองรับผู้โดยสารได้ 8 แสนคนต่อปี ทั้งนี้ หากอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 สร้างเสร็จจะย้ายมาที่อาคารผู้โดยสารที่ 2 ทั้งหมด โดยอาคารผู้โดยสารหลังแรกไว้เป็นที่ตั้งสำนักงานของแอร์ไลน์ต่างๆ