ขณะที่ตั้งเป้าหมายสัดส่วนยอดขายจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 30% จากปีนี้อยู่ที่ 25% หลังจะเน้นการขยายฐานลูกค้าในเอเชียเป็นหลัก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม (CLMV) ซึ่งบริษัทมีความชำนาญในกลุ่มประเทศเหล่านี้ จะเห็นได้จากการที่มีตัวแทนจำหน่ายในหลายประเทศ และในปีหน้าจะเพิ่มการผลักดันสินค้าใหม่เข้าตลาดกลุ่มนี้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ,ติดตั้งง่าย และรวดเร็วรวมถึงตลาดสินค้าในกลุ่มบานเกล็ดคุณภาพสูงจากออสเตรเลียที่ได้รับสิทธิ์ในการจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในภูมิภาคเอเชียให้เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 1/59 จะผลิตสินค้าและพร้อมส่งออกในนามบริษัทร่วมทุนกับบริษัท LOUVRE SYSTEM จากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับบานหน้าต่าง และบานเกล็ด ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเตรียมจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ LOUVRE SYSTEM ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.59 โดยบริษัทจะถือหุ้นในสัดส่วน 51% และบริษัท LOUVRE SYSTEM ถือหุ้น 49%
สำหรับการผลิตจะใช้โรงงานของ BSM เป็นผู้ดำเนินการ ขณะเดียวกันจะมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตั้งเป้ายอดขายเบื้องต้นไว้ที่ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับศักยภาพของตลาดบานหน้าต่าง และบานเกล็ดในประเทศออสเตรเลียมีมูลค่ารวมประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งบริษัท LOUVRE SYSTEM ที่ BSM จะร่วมทุนมีส่วนแบ่งการตลาดในประเทศออสเตรเลียประมาณ 3% ดังนั้นเชื่อว่าตลาดยังสามารถเติบโตได้อีกมาก
นายสัญชัย กล่าวว่า สำหรับในปีนี้บริษัทมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 512 ล้านบาท และกำไรสุทธิจะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีกำไร 24.53 ล้านบาท แม้ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาจะมีกำไรสุทธิเพียง 12.74 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงไตรมาส 4/58 แนวโน้มผลประกอบการจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทจะเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีการปรับปรุงอาคารสำนักงานโรงพยาบาล ศูนย์สุขภาพ และคอนโดมิเนียม รวมถึงจะเริ่มนำสินค้าประเภท ระบบประตูหน้าต่าง (Fletcher Door & Window)ที่มีราคาถูกลงออกมาทำตลาด จากที่ก่อนหน้านี้เป็นสินค้าระดับไฮเอนด์นี้ โดยจะวางจำหน่ายเฉพาะในร้านสาขาของ บมจ.เค.ซี.เมททอลชีท (KCM)