บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ท่าอากาศยานไทย(AOT) ช่วง 4Q57/58 กำไรปกติโต 15.8%YoY จากแนวโน้มสดใสของตัวเลขสถิติการบิน ส่งผลให้ ทั้งปี 57/58 มีกำไรปกติโต 27.0%YoY ตรงตามคาด ขณะที่ในช่วง 2 ปีข้างหน้า (ปี 58/59-59/60) คาดกำไรยังสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแรงเฉลี่ยปีละ 13.6% ด้วยแรงหนุนจาก โมเมนตัมของนักท่องเที่ยวจีน การปรับลงของต้นทุนน้ำมัน และแผนลงทุนท่าอากาศยาน อีกทั้งปัจจุบันยังมี Upside 17.6% และคาดให้ Div. yield ปีละ 1.74% พร้อมให้ราคาเป้าหมายปี 58/59 ที่ 360 บาท
ช่วง 4Q57/58 (ก.ค.–ก.ย. 58) AOT มีกำไรปกติ 3,038 ล้านบาท เติบโต 15.8%YoY โดยการเติบโต YoY มีสาเหตุมาจาก 1) รายได้กิจการการบินเติบโต 23.1%YoY เนื่องจากมีจำนวนผู้โดยสาร (ก.ค.- ก.ย. 58) เติบโต 24.3%YoY และจำนวนเที่ยวบิน (ก.ค.-ก.ย. 58) เติบโต 23.3%YoY ซึ่งเป็นผลจากการหลั่งไหลเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีน บวกกับ การปรับตัวลงของต้นทุนน้ำมัน ซึ่งส่งผลดีต่อ อุตสาหกรรมการบินโลก และ 2) รายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบินเติบโต 18.1%YoY จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ใช้บริการ และการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราค่าส่วนแบ่งรายได้ตามสัญญาส่วนแบ่งผลประโยชน์จากขายสินค้าและให้บริการ ขณะที่ต้นทุนดำเนินงาน (COGS) เพิ่มขึ้นเพียง 7.4%YoY จึงทำให้มี EBIT Margin เพิ่มเป็น 43.6% สูงกว่าช่วง 4Q56/57 ที่ระดับ 37.3% และส่งผลให้ทั้งปี 2557/58 AOT มีกำไรปกติ 16,023 ล้านบาท โต 27.0%YoY ตรงตามคาด
เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต AOT เตรียมแผนพัฒนาท่าอากาศยานไว้ดังนี้ 1) พัฒนาอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานดอนเมืองอาคาร 2 (คาดก่อสร้างเสร็จ ธ.ค. 58 และรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 11.5 ล้านคน/ปี) 2) ก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 (คาดก่อสร้างเสร็จปี 2563 และรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 15 ล้านคน/ปี) 3) ก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 สนามบินสุวรรณภูมิ (คาดก่อสร้างเสร็จปี 2563 และรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 20 ล้านคน/ปี) 4) ก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 สนามบินสุวรรณภูมิ (คาดก่อสร้างเสร็จปี 2562) และ 5) ขยายท่าอากาศยานภูเก็ต (คาดก่อสร้างเสร็จในช่วง ก.พ. 59 และรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 6.0 ล้านคน/ปี) นอกจากนี้ปี 2558/59-2559/60 คาดยังคงเป็นปีที่สดใสของ AOT จากแรงหนุนของ 1) โมเมนตัมนักท่องเที่ยวจีนที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทย และ 2) แรงหนุนการเปิดประชาคมอาเซียนในปี 2559 โดยปี 2558/59 และ 2559/60 จึงคาด AOT จะมี Norm EPS อยู่ที่ 12.30 และ 14.48 บาท คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ราว 13.6%