ทั้งนี้ KTC ตั้งเป้าหมายจำนวนสมาชิกใหม่ในปี 59 ที่ 546,000 ราย แบ่งเป็นสมาชิกบัตรเครดิต 400,000 ราย และสินเชื่อส่วนบุคคล 146,000 ราย
พร้อมทั้ง บริษัทจะเน้นการทำการตลาดหลายรูปแบบด้วยเป้าหมายหลักคือ เพื่อให้บัตร KTC เป็นบัตรที่สมาชิกใช้เป็นหลัก(Default Card) นอกจากนั้นจะพัฒนาองค์กรแบบเบ็ดเสร็จเพื่อความกระชับและปรับลดขั้นตอนการทำงานให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
"ทิศทางในปีหน้าเป็นจังหวะที่ดีที่บริษัทจะมุ่งทำการให้เข้มข้นขึ้นในทุกธุรกิจหลักแบบองค์รวมและสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวทั้งธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ธุรกิจร้านค้า การบริหารช่องทางการจัดจำหน่าย และออนไลน์ โดยจะรักษาผลกำไรให้คงที่ และจัดสรรงบการตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้เป็น 15%"นายระเฑียร กล่าว
นายระเฑียร กล่าวว่า อีกประเด็นสำคัญคือในปีหน้าบริษัทคงจะได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากกรณีการกำหนดเพดานการติดตามหนี้ตาม พ.ร.บ.ทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ขอให้ทยอยปรับลดลงจากครั้งละ 250 บาท เหลือไม่เกิน 100 บาทด้วย แม้ว่ารายได้ยังคงคาดว่าจะเติบโตได้ในระดับ 15% ตามค่าเฉลี่ยในช่วงปีที่ผ่านๆ มา จึงต้องมีการปรับกลยุทธ์เพื่อการเติบโตในระยะยาว
"ปีหน้ากำไรเราจะเท่าปีนี้ เพราะเรามีทั้ง Headwind และ Tailwind ปีหน้าค่าทวงหนี้จะเหลือแค่ 100 บาทและภาวะเศรษฐกิจที่ยังเป็น Head wind (มีลมต้าน) แผนธุรกิจที่ผมจะทำในปีหน้าจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น เวลาเรามีการทำ Transformation จะมีค่าใช้จ่ายในช่วงต้นเกิดขึ้นก่อนที่เราจะเห็นผล ส่วน Tail wind คือเราขยายตัวสูงกว่าอุตสาหกรรมโดยเฉลี่ย กำไรเราเคยโตตามรายได้ที่โตราว 15%...หลังจากปีหน้ากำไรจะกลับไปสูงขึ้นอีกครั้ง"นายระเฑียร กล่าว
พร้อมกันนั้น นายระเฑียร ยังระบุว่าในปีหน้าจะเน้นการพัฒนาองค์กรใน 3 ส่วนหลัก คือ บุคลากร(People) งานไอที และกระบวนการทำงานเพื่อความกระชับและปรับลดขั้นตอนการทำงานให้เหมาะสมและมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น ซึ่งตนเองจะลงไปดูแลด้าน people และงานประชาสัมพันธ์ด้วยตัวเองเพราะมองว่าเป็นตัวจักรสำคัญที่จะผลักดันให้กำไรเติบโตต่อไปได้
"เราจะต้องปรับทั้ง brand, culture เรามี coverage ต้อง smart และ simplicity รวมทั้ง meaningful ที่มีความหมายกับผู้ถือหุ้น พนักงาน และผู้ถือบัตร เป็น Pilar ที่สำคัญ เราคิดว่าผู้ถือหุ้น KTC เข้าใจถึงแม้ปีนี้กำไรจะไม่เติบโต"นายระเฑียร กล่าว
ในปีที่ผ่านมา KTC ยังสามารถบริหารจัดการธุรกิจได้ในระดับที่น่าพอใจ โดยสร้างผลกำไรได้ดีต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีแรงต้านจากสภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้อยู่บ้าง แต่การขยายตัวของบริษัทดีกว่าอุตสาหกรรม ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในช่วง 9 เดือนแรกเติบโตได้ 11.9% เทียบกับอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 7.3% สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของบัตรเครดิตลดเหเลือ 1.4% เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมที่ 3.4% และ NPL ของสินเชื่อบุคคลที่ต่ำสุดเพียง 1.0% เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมที่ 5.2% ขณะที่กำไร 9 เดือนแรกของปี 58 อยู่ที่ 1,538 ล้านบาท
ด้านนายชุติเดช ชยุติ รองประธานเจ้าหน้าบริหารอาวุโส - คอร์ปอเรท ไฟแนนซ์ KTC กล่าวว่า ในปี 59 บริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้ราว 15,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นหุ้นกู้ในระยะต่างๆ ที่จำเป็นและเหมาะสม โดยเน้นให้มีต้นทุนทางการเงินในระดับ 4% หรือต่ำกว่าปีนี้ ขณะที่บริษัทมีหุ้นกู้ววงเงินราว 8,000 ล้านบาที่จะครบกำหนดในปีหน้า อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ราว 5.5%
"สถานะทางการเงินของบริษัทในปีนี้เข้มแข็งมาก และน่าจะส่งผลดีต่อเนื่องถึงปี 59 ประกอบกับอีกหลายปัจจัยที่สนับสนุนจะมีส่วนทำให้บริษัทฯ มีสภาพคล่องสูงและมีการบริหารจัดการเงินที่ดีขึ้น ทั้งจากการที่ KTC ได้รับการปรับอันดับจากทริสเรทติ้ง จาก BBB+ เป็น A- ทำให้ต้นทุนทางการเงินต่ำลง และยังเป็นช่วงจังหวะที่ดอกเบี้ยต่ำ และสภาพเศรษฐกิจโดยรวมในปีหน้าที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น"นายชุติเดช กล่าว
นางพิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร- ธุรกิจบัตรเครดิต KTC กล่าวว่า สิ้นปี 59 บัตรเครดิต KTC มีเป้าหมายเติบโตที่ 15% เท่ากับยอดรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ราว 170,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่มั่นใจว่าจะทำได้ที่ 150,000 ล้านบาท หลังจาก 10 เดือนแรกของปี 58 เติบโตแล้ว 13% ดังนั้น ในปี 59 จะสร้าง momentum ต่อจากปีนี้ที่จับกลุ่มลูกค้าระดับบนมากขึ้นและการให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จะต้องตอบสนองลูกค้าทั้งด้านกิน-ช็อป-เที่ยว
ขณะนี้ลูกค้าในต่างจังหวัดเริ่มเติบโตขึ้นมาใกล้เคียงกับในกทม. โดยเฉพาะในจังหวัดเศรษฐกิจ และจังหวัดท่องเที่ยว พร้อมกันนั้น บริษัทจะเน้นเจาะตลาดกลุ่มคนยอายุน้อยให้เพิ่มขึ้นด้วย
"เรายังให้ความสำคัญกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเติบโตสูงมาก การคัดสรรแคมเปญการตลาดจะยังคงให้ความสำคัญกับการกระตุ้นยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในหมวดหลักๆ ไม่เฉพาะแต่หมวดกิน ช้อป เที่ยวเท่านั้น แต่จะให้ความสำคัญกับการตลาดในส่วนภูมิภาค ซึ่งเคทีซีมีความแข็งแกร่งทั้งในด้านฐานสมาชิก และพันธมิตรร้านค้า สำหรับกลยุทธ์การพิชิตใจสมาชิกได้วางแผนจัดกิจกรรมที่เป็นการสร้าง Customer Experience ตลอดทั้งปี รวมถึงการพัฒนามาตรฐานเรื่องการให้บริการ ความปลอดภัยในการใช้บัตรเครดิต ความสะดวกสบาย"นางพิทยา กล่าว
นางสาวสุดาพร จันทร์วัฒนากุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร- ธุรกิจสินเชื่อบุคคล KTC กล่าวว่า ในปี 59 บริษัทมีเป้าหมายการเติบโตของพอร์ตธุรกิจสินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 15% โดยมีกลยุทธ์จะเน้นทำการตลาด 4 ด้านคือ 1) มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบสนองตรงตามความต้องการของลูกค้า 2) ให้บริการ Cash @ Touch ภายใน 30 นาที หรือการอนุมัติสินเชื่อพร้อมใช้ภายใน 30 นาที อย่างต่อเนื่อง สำหรับผู้สมัครที่ศูนย์บริการลูกค้า "เคทีซีทัช" เพื่อสนับสนุนเสียงตอบรับของสมาชิกใหม่ที่ให้ความสนใจ และเพิ่มบริการต่าง ๆ ของออนไลน์ให้มากขึ้น เช่น การเบิกถอนเงินสด
3) เพิ่มสิทธิพิเศษตัดบัตรมากขึ้น หรือข้อเสนอพิเศษต่าง ๆ ให้กับสมาชิกมากขึ้น เช่น การเบิกถอนเงินสด 3) เพิ่มสิทธิพิเศษติดบัตรมากขึ้น หรือข้อเสนอพิเศษต่าง ๆ ให้กับสมาชิกมากขึ้น โดยร่วมกับพันธมิตรธุรกิจ เช่น คะแนนน้อยแลกของต่าง ๆ 4) การหาสมาชิกใหม่ผ่านพันธมิตรการตลาดต่าง ๆ นอกเหนือจากการหาสมาชิกผ่านช่องทางจัดจำหน่ายที่มีอยู่ 5) การดูแลพอร์ตลูกหนี้แบบ 360 องศา ตั้งแต่เริ่มเป็นสมาชิกใหม่ โดยจะสร้างสรรค์โปรแกรมใหม่ๆ มาสนับสนุนตลอดทั้งปี
ขณะที่นายปิยศักดิ์ เตชะเสน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส- ช่องทางการจัดจำหน่ายและธุรกิจร้านค้า KTC กล่าวถึง กลยุทธ์การบริหารช่องทางการจัดจำหน่ายและธุรกิจร้านค้าในปี 59 ยังคงเน้นขยายฐานสมาชิกใหม่ไปยังกลุ่มคนเริ่มทำงาน คนรุ่นใหม่ รวมทั้งคนต่างจังหวัดและผู้มีรายได้ 40,000 บาทขึ้นไป โดยผ่านช่องทางของธนาคารกรุงไทยทุกสาขาทั่วประเทศ และตัวแทนขาย รวมทั้งการหาโอกาสใหม่ๆ ในการเพิ่มสมาชิกจากบูธเซลส์ ช่องทางออนไลน์ การแนะนำของพันธมิตรทางธุรกิจและจากฝ่ายการตลาดของเคทีซี