นายอนันต์ มนัสชินอภิสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการ LHK เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรกที่ 1.59 พันล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์เริ่มกลับมาฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง และอุตสาหกรรมก่อสร้างต่างๆมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะงานในกลุ่มภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ แต่กลุ่มที่ยังคงชะลอตัว คือ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า
ทั้งนี้ สัดส่วนกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทแบ่งเป็น อุตสาหกรรมยานยนต์ 31% ก่อสร้าง 23% และ เครื่องใช้ไฟฟ้า 17%
"จากแนวโน้มการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์และอุตสาหกรรมก่อสร้างที่เริ่มเห็นสัญญาณมาตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมั่นใจรายได้ปี 58/59 จะเติบโตได้ 5-10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 3.41 พันล้านบาท"นายอนันต์ กล่าว
นอกจากนั้น บริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรสุทธิปีนี้ไม่ต่ำกว่า 4% หรือ ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 4.03% หลังจากครึ่งปีแรกลดเหลือ 3.05% โดยเน้นบริหารจัดการต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ ประกอบกับแนวโน้มยอดออเดอร์ของการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่ให้มาร์จิ้นดีนั้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ผลักดันอัตรากำไรสุทธิเพิ่มสุงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
“ความเชื่อมั่นที่เรามองว่าฟื้นกลับมาจากนโยบายการกระตุ้นของภาครัฐทำให้อุตสาหกรรมต่างๆฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะภาคยานยนต์ และ อสังหาฯ ซึ่งส่งผลดีมาถึงบริษัท ทำให้รายได้จะสูงกว่าครึ่งปีแรกและอัตรากำไรสุทิน่าจะกลับมายืนได้ในระดับ 4%"นายอนันต์ กล่าว
นายอนันต์ กล่าวอีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อเข้าซื้อกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจของบริษัท โดยปัจจุบันได้ทำการศึกษาร่วมกับธนาคารพาณิชย์ 2-3 แห่ง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากเงื่อนไขที่เสนอมายังไม่สามารถตอบโจทย์วัตถุประสงค์ของบริษัท ประกอบกับปัจจุบันยังมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศที่ยังไม่แน่นอน ทำให้บริษัทยังไม่ตัดสินใจเข้าลงทุน
“แผน M&A ยังคงมีอยู่ทั้งในประเทศและในกลุ่ม AEC โดยเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่ปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลให้ผู้ประกอบการไม่อยากขายกิจการในราคาถูก แต่ภาพรวมของบริษัทที่เสนอเข้ามานั้น เรามองว่ายังไม่ดีพอ แต่บริษัทที่เราอยากได้เขาก็ยังไม่เสนอเรามา ส่วนเงินที่ใช้ทำ M&A จะมาจากกระแสเงินสด และ เงินกู้จากธนาคาร ซึ่งยังสามารถกู้ได้เยอะ เพราะ D/E ยังต่ำที่ 0.5 เท่า"นายอนันต์ กล่าว