ส่วนช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้บริษัททำยอดขายราว 5.7 พันล้านบาท
นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ GOLD เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปี 59 จะเติบโตแตะ 10,000 ล้านบาท จากปีนี้น่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 8,500 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ในปีหน้าจะมาจากการรับรู้ยอดขายโครงการแนวราบ ราว 8,500 ล้านบาท และค่าเช่าอาคารสำนักงาน จำนวน 1,500 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯมีแผนที่จะเปิดโครงการแนวราบ 15 โครงการ มูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท ขณะที่วางงบลงทุนซื้อที่ดินเตรียมพัฒนาโครงการในพื้นที่กรุงทเพฯ ราว 3,000 ล้านบาท
"เป้าหมายเราในปีนี้ก็น่าจะทำได้ที่ 8,500 ล้านบาท จากปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) ราว 2,809 ล้านบาท คาดจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 2,000 ล้านบาท และที่เหลือในปีถัดไป ขณะที่ปีหน้าคาดรายได้จะแตะ 10,000 ล้านบาท โดยมองเทรนอสังหาริมทรัพย์ในปี 59 ก็คาดว่าอุตสาหกรรมฯจะเติบโตได้ราว 5% ซึ่งตลาดแนวราบจะเป็นพระเอก จากยังมีความต้องการอยู่ ไม่ว่าจะเป็นทาวน์เฮ้า ในราคา 1-2 ล้านบาท ขณะที่บ้านเดี่ยวน่าจะลดลง และคอนโดมิเนียมคงชะลอตัวลง"นายธนพล กล่าว
ทั้งนี้กำไรสุทธิในปี 59 คาดจะทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง จากปีนี้ก็มั่นใจว่ากำไรสุทธิจะทำสถิติสูงสุดใหม่ หลังงวด 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 361 ล้านบาท มากกว่าปีที่แล้วทั้งปีที่ทำได้ 357 ล้านบาท และมียอดขายแล้ว 5,679 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 4,435 ล้านบาท โดยปีหน้าบริษัทฯจะมีกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT คาดว่าจะมีกำไรต่อปีราว 120 ล้านบาท ซึ่งจะมีระยะเวลาในการรับรู้กำไรถึงประมาณ 25 ปี ซึ่งความคืบหน้าของการการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดว่าจะอนุมัติได้ในปลายปีนี้ และน่าจะจัดตั้งพร้อมเสนอขายได้ในช่วงต้นปี 59 โดยจะมีการนำอาคารปาร์คเวนเจอร์และอาคารสาทร สแควร์จัดตั้งกอง REIT ขนาด 1 หมื่นล้านบาท บริษัทฯจะถือหุ้นในกอง REIT ในสัดส่วน 25% ซึ่งเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์ฯจำนำไปชำระคืนเงินกู้จากธนาคาร เพื่อลดต้นทุนดอกเบี้ย และใช้ในการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่อไป
นอกจากนี้ การประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 17 ธ.ค.58 จะมีการนำเรื่องการเพิ่มทุนให้กับบุคคลในวงจำกัด (PP) จำนวน 685.70 ล้านหุ้น ให้กับบริษัท เฟรเซอร์ พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด (FPHT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เฟรเซอร์ส เซ็นเตอร์พอยท์ จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของสิงคโปร์ ในราคาหุ้นละ 7.25 บาท/หุ้น ให้ผู้ถือหุ้นอนุมัติ ซึ่งการเพิ่มทุนดังกล่าวจะส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นลดลง โดย GOLD จะถือในสัดส่วน 39% และบริษัท เฟรเซอร์ส เซ็นเตอร์พอยท์ จำกัด จะถือหุ้น 29% ที่เหลือเป็นอื่นๆ ก็คาดว่าจะได้รับเงินจากการขายหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP ในครั้งนี้ 4.97 พันล้านบาท ซึ่งวัตุประสงค์ของการเพิ่มทุนดังกล่าว จะนำไปสู่เป้าหมายการเติบโตในอนาคต ที่บริษัทฯตั้งเป้าจะติดอันดับ 1 ใน 5 ของผู้นำอสังหาริมทรัพย์ ในปี 63 และจะมีรายได้แตะ 20,000 ล้านบาท
รวมถึงจะมีการนำเรื่องแผนการลงทุนในโครงการสามย่าน ตรงข้ามกับจามจุรีสแควร์ โดยโครงการเป็นรูปแบบการใช้ประโยชน์ผสมผสาน (Mixed-Use) ประกอบด้วยคอนโดมิเนียม ศูนย์การค้า และอาคารสำนักงาน ซึ่งจะเป็นการร่วมลงทุนระหว่างบริษัทที่จะเข้าถือหุ้น 49% ร่วมกับบริษัท ทิพย์พัฒน อาร์เขต จำกัด ถือหุ้น 51% โดยเป็นเงินลงทุนจากผู้ถือหุ้นราว 4 พันล้านบาท จากมูลค่าโครงการรวมที่ 8.5 พันล้านบาท เป็นการลงทุนของบริษัทราว 2 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตามหากผู้ถือหุ้นอนุมัติให้ดำเนินโครงการสามย่าน บริษัทฯจะมีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อเข้ามาดำเนินการ จากนั้นรอการอนุมัติรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) และน่าจะเริ่มก่อสร้างโครงการดังกล่าวได้ในช่วงกลางปี 59 ใช้ระยะเวลาก่อสร้างราว 4 ปี และจะสามารถรับรู้รายได้จากการขายโครงการในปี 63 โดยโครงการสามย่านมีระยะเวลาสัญญาเช่าพื้นที่ 30 ปี มีเนื้อที่ 13 ไร่