"บริษัทวางแผนผลักดันสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการ บริหารจัดการภายในได้อย่าง มีประสิทธิภาพ สนับสนุนผล ประกอบการในปี นี้สามารถทำ New High รายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเกินกว่าเป้าหมายรายได้ที่วางไว้"นางสาวสุธิดา กล่าว
นางสาวสุธิดา กล่าวว่า บริษัทมีจุดแข็งจากการเป็นผู้นำในธุรกิจไอทีที่มีความหลากหลายครบครันของสินค้า ที่พร้อมจัดจำหน่ายและเป็นแบรนด์ระดับโลก รวมทั้งมีเครือข่ายและฐานลูกค้าทั่วประเทศ จึงส่งผลดีต่อธุรกิจทำให้มีความแข็งแกร่ง ทั้งในกลุ่มสินค้า Consumer และสินค้าในกลุ่ม Commercial โดยปีนี้บริษัทเข้าไปรุกตลาด Commercial มากขึ้น ซึ่งเป็นสินค้ามีมาร์จิ้นที่ดี และมีโอกาสเติบโตสูง สนับสนุนให้สัดส่วนรายได้ในตลาด Commercial ของบริษัทเพิ่มขึ้นอยู่ที่กว่า 30% ของยอดขายทั้งหมด
สำหรับธุรกิจในอินโดไชน่าจะเริ่มเติบโตอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปี 59 เป็นต้นไป และคาดว่าจะมียอดขายกว่า 1,000 ล้านบาท เนื่องจากตลาดในเมียนมาร์ ซึ่งเป็นตลาดหลักในอินโดไชน่า มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีและเตรียมขยายตลาดกัมพูชาและลาวเพิ่มเติมอีก ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตรเพื่อไปตั้งสาขาในกัมพูชา คาดว่าจะมีความ ชัดเจน ในปี 59
“แม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและภาพรวมอุตสากรรมไอทีในปีนี้จะเติบโตไม่มากนัก แต่ซินเน็คฯ ยังคงสามารถสร้างผลประกอบการได้เติบโตสูง เนื่อง จากบริษัทมีความแข็งแกร่งในเรื่องความหลากหลายของสินค้าไอที สอดรับความต้อง การทุกรูปแบบ และในช่วงที่ผ่านมา บริษัทพยายามผลักดันสินค้าที่มีอัตรามาร์จิ้น สูงออกสู่ตลาด โดยเฉพาะสินค้า กลุ่ม Commercial ซึ่งมีมาร์จิ้นที่ดีและเติบโตขึ้นมาก ซินเน็คฯ มองเห็นโอกาสการเติบโตจากลูกค้ากลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็น งานของภาคเอกชน หรืองานของภาค รัฐบาลโครงการ ต่างๆ รวมทั้งการประมูล 4G เชื่อว่าจะยิ่งสนับสนุนยอดขายสินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เสริมต่างๆ ให้คึกคักยิ่งขึ้น จากความสำคัญของอุปกรณ์ไอทีที่เข้ามาในชีวิตประจำวันมากขึ้นและการเติบโตของ เทคโนโลยี ก็จะยังคงเป็นโอกาสที่ดีของซินเน็คฯ ให้ก้าวเติบโตไปในช่องทางต่างๆ ได้อีกมาก" นางสาวสุธิดา กล่าว