อย่างไรก็ตาม บริษัทยังให้ความสำคัญกับโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนในประเทศเป็นหลัก โดยเตรียมเข้ายื่นประมูลโครงการโรงไฟฟ้าไบโอแมส จำนวน 10 เมกะวัตต์ ,โครงการไบโอแก๊ส ขนาด 10 เมกะวัตต์ และโครงการผลิตไฟฟ้าจากหญ้าเนเปียร์ ขนาด 10 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่ารัฐบาลน่าจะเปิดประมูลรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนได้อย่างเร็วที่สุดในช่วงปลายไตรมาส 1/59 ซึ่งจะส่งผลทำให้รายได้และกำไรสุทธิของบริษัทเติบโตได้ตามเป้าหมายในอนาคต
แต่หากโครงการภาครัฐดังกล่าวชะลอออกไป บริษัทก็มีแผนสำรองด้วบการมองหาและการเข้าซื้อกิจการ (M&A)ที่น่าสนใจ ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ ใน จ.สุโขทัย ขนาด 7 เมกะวัตต์เพื่อต่อยอดในธุรกิจที่มีอยู่เดิม คาดจะสรุปได้ไตรมาส 1/59 โดยบริษัทถือว่ามีศักภาพในการลงทุนต่อปีราว 1,000 ล้านบาท
นายชัชพล กล่าวว่า ในปี 59 บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีรายได้เติบโตราว 15-20% หรือแตะระดับ 1.8 พันล้านบาท จากปีนี้มั่นใจรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 1.5 พันล้านบาท โดยจะมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจเทรดดิ้ง และธุรกิจเคมีภัณฑ์-พลังงานทดแทน 50:50 จากปีนี้มีสัดส่วนอยู่ที่ 82:12 ตามลำดับ
นอกจากนี้ บริษัทยังวางงบลงทุนราว 200 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนพัฒนาโรงงานเคมีภัณฑ์ จ.นครราชสีมา และขยายท่อก๊าซฯ จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นไปตามแผนการลงทุนปกติ ขณะที่การร่วมทุนกับ บริษัท บางจาก ไบโอฟูเอล จำกัด (BBF) ในโครงการไบโอดีเซล จะเริ่มเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์โรงงานที่ 2 ภายในไตรมาส 2/59 คาดจะมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 8.1 แสนลิตร/วัน จากเดิม 3.5 แสนลิตร/วัน
"ในปี 59 บริษัทคาดรายได้จะเติบโตได้ราว 15-20% หรือแตะ 1.8 พันล้านบาท จากธุรกิจที่ลงทุนไปน่าจะรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น เช่น การขยายกำลังการผลิตของโรงงานผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (PPP) ที่สุโขทัย, การรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี จากการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ของโรงงานผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ ที่อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ กำลังการผลิต 1.5 เมกะวัตต์ เป็นต้น"นายชัชพล กล่าว