บล.เอเชีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2559 ของ บมจ.ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ (TACC) เท่ากับ 3.60 บาท โดยอิง PER 22 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ของกลุ่มอาหารที่ 21.25 เท่า แต่สูงกว่าบริษัทในกลุ่มเครื่องดื่มที่ 18.4 เท่า โดยให้น้ำหนักไปที่แนวโน้มกำไรที่คาดเติบโตโดดเด่นหลังจากการเข้าสู่ธุรกิจใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้ Expected PER ลดลงเหลือเพียง 18.3 เท่า ในปี 2560 จึงถือเป็นอีกหนึ่งหุ้นขนาดเล็กที่น่าจับตามอง
ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรปี 2558 อยู่ที่ 72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.9% yoy โดยอัตราการใช้กำลังการผลิตสูงระดับ 95-100% จะส่งผลให้สัดส่วนการว่าจ้างผลิต (OEM) ลดเหลือ 78% จาก 84% ในปีก่อน จึงคาด Gross Margin เพิ่มจาก 28.2% เป็น 30% ขณะที่แนวโน้มปี 2559 ยังเติบโตได้ 38.2% yoy และต่อเนื่อง 20% yoy ในปี 2560 หนุนจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของจำนวนร้าน 7-Eleven ประมาณ 550 สาขาต่อปี และการรับรู้รายได้จากธุรกิจเครื่องกดเครื่องดื่มอัตโนมัติตั้งแต่ปี 2559
TACC ประกอบธุรกิจผลิต, จัดหา, และจัดจำหน่ายเครื่องดื่มปรุงสำเร็จชนิดผงสำหรับชงใส่โถกดในร้าน 7-Eleven ทุกสาขา โดยการพัฒนาสินค้าร่วมกันกับ CPALL ซึ่งถือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจรายใหญ่ที่มีความสัมพันธ์กันมานานกว่า 12 ปี ประกอบกับการขยายสาขาของ 7-Eleven จึงส่งผลให้รายได้ของบริษัทเติบโตสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ TACC ยังมุ่งมั่นพัฒนาและคิดค้นสินค้ารูปแบบใหม่ๆภายใต้แบรนด์ของตนเองที่มีความแตกต่างเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโต อาทิ ชาเขียวตราเชนย่า (ชาเขียวพร้อมดื่มอันดับ 1 ในกัมพูชา) และกาแฟสำเร็จรูปเพื่อสุขภาพตรา VSlim