สำหรับเป้าหมายปริมาณขาย LPG ที่คาดว่าจะเติบโตในปีหน้า เป็นผลจากปริมาณการขายในจีนยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทยังแผนการขยายตลาดไปยังเมียนมาร์, ลาว, อินโดนีเซีย โดยการขยายตลาดในเมียนมาร์นั้นปัจจุบันอยู่ระหว่างรอผลการประมูล ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลในปีหน้า ส่วนการขยายตลาดในลาวและอินโดนีเซียปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าเพิ่มเติม
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการ(M&A)ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ LPG ในประเทศ 1-2 ราย คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีหน้า แต่ยังไม่สามารถระบุมูลค่าการเข้าซื้อกิจการ โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัทและอาจพิจารณาออกหุ้นกู้ ทั้งนี้ การเข้าซื้อกิจการจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนการเติบโตของบริษัทในปีหน้า โดยงบสำหรับการทำ M&A ยังไม่รวมกับงบลงทุนปกติที่บริษัทตั้งไว้ปีหน้า 500-600 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นค่าปรับปรุงคลังเก็บ LPG และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
นางจินตณา กล่าวว่า ด้านปริมาณการขาย LPG ในปีนี้มั่นใจทำได้ทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.57 ล้านตัน มาอยู่ที่ 2.62-2.64 ล้านตัน โดย 9 เดือนแรกของปีนี้ มีปริมาณการขาย LPG แล้ว 2.25 ล้านตัน โดยเป็นผลมาจากปริมาณการขายในจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในประเทศจีนเติบโตในระดับสูง แม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศจีนจะชะลอตัว ซึ่ง 9 เดือนปริมาณการขายในจีนอยู่ที่ 6.27 แสนตัน สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4 แสนตัน
ขณะที่ยังมั่นใจว่ากำไรปีนี้จะแตะ 1 พันล้านบาท แม้ 9 เดือนแรกปีนี้บริษัทจะทำกำไรสุทธิได้เพียง 433.97 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงไตรมาส 4/58 เป็นไฮซีซั่นที่มีความต้องการใช้ LPG ทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาว ประกอบกับ ราคา LPG ในตลาดโลกในช่วงไตรมาส 4/58 ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 427 เหรียญสหรัฐ/ตัน จาก 413 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในไตรมาส 3/58 ส่งผลให้ผลการดำเนินงานทั้งรายได้และกำไรในไตรมาส 4/58 จะทำระดับสูงที่สุดของปีนี้ และทำให้กำไรทั้งปีเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้