ทั้งนี้ การขยายลงทุนดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายที่ต้องการลงทุนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ไปยังภูมิภาคในเอเชียให้มากขึ้น โดยมีประเทศญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายการลงทุน ที่บริษัทต้องการรุกขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งรูปแบบโซล่าร์ฟาร์มและโรงไฟฟ้าพลังงานประเภทอื่นๆ ผ่านบริษัทย่อย TSE Group International Pte Ltd ที่จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ "เป้าหมายของการดำเนินงานของ TSE ในตลาดต่างประเทศ ต้องการมีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และโรงไฟฟ้าพลังงานประเภทอื่นๆ ในต่างประเทศกำลังการผลิตรวม 300 เมกะวัตต์ภายใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งภายหลังการเซ็นสัญญาครั้งนี้จะทำให้ในปีนี้ TSE มีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการในต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 42 เมกะวัตต์ และบางโครงการจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ต้นปีหน้า ซึ่งเป็นไปตามแผนงานที่บริษัทได้วางไว้"นางสาวแคทลีน กล่าว
นางสาวแคทลีน กล่าวอีกว่า การเซ็นสัญญาครั้งล่าสุดของ TSE นั้น ถือเป็นการรุกดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่กลางปีนี้ TSE ได้จับมือพันธมิตรจากญี่ปุ่น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม Eco Solar Japan และกลุ่ม Prospec Holding Inc. ร่วมพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบโซล่าร์ฟาร์ม รวม 25 เมกะวัตต์ ที่ใช้เงินลงทุนประมาณ 2,500 ล้านบาท และสามารถทำรายได้ต่อปีอย่างน้อย 300 ล้านบาท โดยในส่วนของ 25 เมกะวัตต์นี้ จะสามารถทยอย COD ได้ ตั้งแต่ต้นปี 59
ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าอีก 2-3 โครงการ กำลังการผลิตรวมกว่า 100-200 เมกกะวัตต์ โดยมีทั้งรูปแบบโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และโรงไฟฟ้าจากพลังงานประเภทอื่นๆ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงต้นปี 59 ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าโดยรวมของ TSE เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
"เราพร้อมที่จะรุกขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในภูมิภาคเอเชีย ทั้งรูปแบบพลังงานแสงอาทิตย์และโรงไฟฟ้าจากพลังงานประเภทอื่นๆ โดยร่วมมือกับพันธมิตรพัฒนาโครงการเพื่อผลักดันให้ TSE ก้าวสู่การเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจพลังงานในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น และประเทศสมาชิก AEC โดยตั้งแต่ปี 59 เป็นต้นไป TSE จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากโครงการในต่างประเทศซึ่งจะเข้ามาช่วยหนุนผลการดำเนินงานของเราให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งต่อไป"นางสาวแคทลีน กล่าว