นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ก.ล.ต.ได้ให้โอกาสผู้บริหารของเครือซีพี เพื่อชี้แจงต่อกรณีการใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น MAKRO ซึ่งกลุ่มผู้บริหารก็ยอมรับว่าเป็นผู้กระทำผิด และยอมรับการเปรียบเทียบปรับ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลที่นำข้อมูลภายในของดีลขนาดใหญ่มาหาประโยชน์ให้ตัวเอง ไม่ใช่เรื่องของบริษัท ทำให้เรื่องความรับผิดชอบมีเพียงการเปรียบเทียบปรับ ส่วนเรื่องอื่นๆนั้นเป็นเรื่องที่ทางผู้บริหารจะต้องเป็นผู้ชี้แจงกับนักลงทุน คณะกรรมการ และบริษัทต่อไป
"ไม่เกี่ยวกับบริษัท เป็นเรื่องเฉพาะตัวบุคคล ก.ล.ต.ไม่ได้ทำอะไร เพราะบริษัทไม่ได้ทำผิด Corporate Governance ยังเหมือนเดิม ไม่ได้ปรับลดอะไรในตอนนี้ ส่วนผู้บริหารจะรับผิดชอบอย่างไร เป็นเรื่องที่ผู้บริหารต้องไปชี้แจงกับทางบริษัทเอง"นายรพี กล่าว
นายรพี กล่าวอีกว่า ก.ล.ต.ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบการใช้ข้อมูลภายในเพื่อผลประโยชน์ในกรณีอื่นๆด้วย โดยในปีนี้มีทั้งหมด 6 กรณีที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งรวมถึงกรณีของ CPALL
ด้านนางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลท. กล่าวว่า การปรับลดระดับธรรมาภิบาลของกลุ่มบริษัทนั้น ไม่ได้เป็นหน้าที่ของตลท. แต่ขึ้นอยู่กับ IOD ในการตรวจสอบว่าเป็นเรื่องสมควรหรือไม่ แต่กรณีนี้เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล เมื่อผู้กระทำผิดยอมเข้าสู่กระบวนการเปรียบเทียบปรับตามที่ก.ล.ต.กำหนดก็ถือว่ายุติ แต่หากไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการดังกล่าวตามขั้นตอนก็จะมีการกล่าวโทษต่อไป
เมื่อวานนี้ก.ล.ต. ระบุว่าคณะกรรมการเปรียบเทียบมีคำสั่งเปรียบเทียบปรับ กับนายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ,นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล, นายพิทยา เจียรวิสิฐกุล และนายอธึก อัศวานันท์ ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้บริหารในกลุ่ม CPALL เครือซีพี กรณีอาศัยข้อมูลภายในซื้อหุ้น MAKRO เป็นเงินรวม 33,339,500 บาท และเปรียบเทียบปรับนายสมศักดิ์ เจียรวิสิฐกุล และนางสาวอารียา อัศวานันท์ ซึ่งให้การช่วยเหลือสนับสนุน เป็นเงินรายละ 333,333.33 บาท