สำหรับโครงการทั้ง 5 โครงการ ได้แก่ โครงการ Kyoto กำลังการผลิต 9.99 เมกะวัตต์ , โครงการ Genbi กำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ และ โครงการ Shirakata จำนวน 3 โครงการ รวม 5.335 เมกะวัตต์ แลเมื่อรวมกำลังการผลิตทั้งหมด 25.325 เมกะวัตต์ มูลค่าของโครงการประมาณ 2,472.75 ล้านบาท และถ้ามีค่าใช้จ่ายอื่นที่อาจเกิดขึ้น บริษัทประมาณว่าจะเพิ่มขึ้นรวมแล้วไม่เกินจำนวนเงินทั้งสิ้น 2,500 ล้านบาท
โดยการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าญี่ปุ่นทั้ง 5 โครงการ บริษัทจะลงทุนผ่าน บริษัท เอ็ปโก้ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (EPCOE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อม ที่ถือหุ้นในสัดส่วน 100% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว โดยบริษัท เอ็ปโก้ กรีน พาวเวอร์ พลัส จำกัด (EPCOG) และบริษัท บ่อพลอย โซล่าร์ จำกัด (Bor Ploi) ตามลำดับ
“เรายังคงเดินหน้าลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง และมองหาโอกาสลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศเพิ่มเติม โดยปัจจุบันได้คว้าโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่นแล้ว มีกำลังการผลิตรวม 48 เมกะวัตต์ ซึ่งประกอบด้วยโครงการ Kyoto กำลังการผลิตไฟฟ้า 9.9 เมกะวัตต์ มีกำหนดขายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) ในไตรมาส 2/59 โครงการ Shirakata 1-3 กำลังการผลิตไฟฟ้า 5.45 เมกะวัตต์ คาด COD ในไตรมาส 3/59 โครงการ Kurihara เฟสที่ 1 กำลังการผลิตไฟฟ้า 10 เมกะวัตต์ COD ในไตรมาส 4/60 เฟสที่ 2 กำลังการผลิตไฟฟ้า 13 เมกะวัตต์ COD ในไตรมาส 1/61 และโครงการ Genbi กำลังการผลิตไฟฟ้า 10 เมกะวัตต์ COD ในไตรมาส 1/61"นายยุทธ กล่าว
นายยุทธ กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้าเข้าร่วมสนับสนุนโครงการโซลาร์ฟาร์มส่วนราชการ และสหกรณ์ภาคการเกษตร โดยคาดหวังว่าจะได้ไม่น้อยกว่า 50 เมกะวัตต์ ซึ่งได้ยื่นขอเข้าร่วมโครงการเมื่อ 1-10 พ.ย.ทีผ่านมา และจะประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติในวันที่ 11 ธ.ค. จากนั้นจะมีการประกาศผลวันที่ 24 ธ.ค.58
ส่วนการนำบริษัท บ่อพลอย โซล่าร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ EPCO เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่าภายในปี 59 น่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนตลาดหุ้นได้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมแผนลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้มีกำลังการผลิตครบ 150 เมกะวัตต์ ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ