นายอรรถพล กล่าวว่า จากที่สถานการณ์ราคาน้ำมันในปีนี้นับว่าลดต่ำลงอีกหลังจากที่ราคาไก้เริ่มลดต่ำลงตั้งแต่กลางปี 57และน้ำมันดิบดูไบปิดตลาดสิ้นปีที่แล้วที่ 43ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และในช่วงนี้ราคาลดต่ำลงโดยราคาน้ำมันดิบดูไบปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา(4ธ.ค.) ที่ 38 ดอลลาร์/บาร์เรล ในขณะนี้ราคาน้ำมันดิบทุกตลาดก็ลดต่ำลงอันเป็นผลมาจากกังวงเศรษฐกิจโลกจะได้รับผลกระทบจากความไม่สงบ การก่อการร้ายในหลายพื้นที่ ปัญหาน้ำมันล้นความต้องการ และปัญหาความคิดเห็นที่แตกแยกของกลุ่มโอเปก ดังนั้น จึงมีโอกาสที่ราคาน้ำมันดิบดูไบปิดตลาดปีนี้มีราคาต่ำ และอาจทำให้หน่วยธุรกิจน้ำมันของ ปตท.ขาดทุนสต็อกกว่า 1,000 ล้านบาท
“ขาดทุนสต็อกน้ำมันอาจสูงกว่า 1พันล้านบาทเศษ เป็นตัวเลขทางบัญชี แต่หากดูผลดำเนินการในปีนี้จำหน่ายปริมาณน้ำมันขายได้มากขึ้นร้อยละ 2-3 และค่าการตลาดสูงกว่า 1บาทต่อลิตร ก็ทำให้ผลดำเนินงานดีขึ้น"นายอรรถพลกล่าว
นายอรรถพลคาดว่าราคาน้ำมันดิบปีหน้าจะไม่ปรับตัวสูงขึ้นมากนัก เพราะกำลังการผลิตยังล้นตลาด และค่าการตลาดน่าจะอยู่ในระดับเดิม ส่วนปริมาณการใช้น่าจะเติบโตร้อยละ 2-3 ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ส่วนนโยบายลดประเภทน้ำมันในกลุ่มเบนซินที่กระทรวงพลังงานกำลังดำเนินการอยู่ ทาง ปตท. พร้อมปฏิบัติตาม แต่การจะหยุดจำหน่ายน้ำมันประเภทใดก็ควรคำนึงถึงผลกระทบรถเก่าด้วย
สำหรับแผนการลงทุน 5 ปี ในธุรกิจน้ำมันที่กำลังจะเสนอคณะกรรมการ ปตท. ในเดือน ธ.ค. นี้ นายอรรถพล ระบุว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะการใช้น้ำมันเติบโตไม่ต่างจากที่ประเมินไว้ ซึ่งตามแผนตั้งเป้าจะเพิ่มสถานีบริการในต่างประเทศจาก 150 แห่งในปัจจุบัน เป็น 500 แห่งภายใน 5 ปี ส่วนในประเทศจะเพิ่มจาก 1,400 แห่งเป็น 1,600 แห่ง โดยเน้นลงทุนในถนนสายรองและตัวเมืองที่มีพื้นที่จำกัดด้วย Compact Model ที่ประกอบด้วยน้ำมัน 2-3 ประเภท ร้านสะดวกซื้อและร้านกาแฟขนาดเล็ก ซึ่งในต่างจังหวัดก็จะตอบสนองนโยบายของรัฐบาลที่ สนับสนุนสินค้าชุมชน สนับสนุนการท่องเที่ยว เป็นพื้นที่ออกกำลังกาย แล้วแต่ปั๊มใดมีความเหมาะสม ในขณะที่ ในเมือง เช่น กทม. ยอมรับว่าหาพื้นที่ตั้งลำบาก ก็ต้องออกแบบที่แตกต่างกันไปเช่น สถานีบริการบนถนนเจริญกรุงที่กำลังก่อสร้างได้ออกแบบให้มีพื้นที่เติมน้ำมันไม่มากนัก แต่จะเน้นธุรกิจค้าปลีกแบบคนเมือง โดยเปิดให้คนผ่านไปผ่านมาเข้าออกร้านค้าปลีกได้สะดวกด้วย