ส่วนในปี 59 คาดว่าจะมีรายได้จากบริษัทฯย่อยราว 100-200 ล้านบาท ซึ่งบริษัทดังกล่าวดำเนินธุรกิจ Shipper Own Container (SOC) ซึ่งเป็นการให้บริการที่ครบวงจรตามแบบสายเรือทั่วไป โดยมีตู้ขนส่งและระวางเรือเป็นของตัวเอง แต่มิได้มีเรือเป็นของตัวเอง ซึ่งจุดเด่นของบริการใหม่นี้บริษัทฯจัดให้บริการเรือที่เดินเรือตรงสู่ปลายทางหลัก ทำให้ลูกค้าไม่ประสบปัญหาการติดเรือยังท่าเทียบเรือ(T/S PORT)โดยมีแผนขยายปริมาณตู้ขนส่งเพิ่มขึ้นอีก 5,000 ตู้ ในปี 60 จากปัจจุบันมีประมาณ 1,000 ตู้
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังประเทศ กัมพูชา เวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 7-10% จากปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 5% โดยบริษัทยังเตรียมงบลงทุนไว้อีกราว 100 ล้านบาทในปีหน้า เพื่อใช้ขยายหัวลากขนส่งอีก 35 คัน จากปัจจุบันมีหัวลากขนส่งอยู่ 65 คัน ซึ่งจากการขยาต่างประเทศ และการเพิ่มธุรกิจใหม่ ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิปี 59 จะอยู่ที่ราว 4-5% และอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ราว 20%
นายกิตติ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ระยะยาวเติบโตเฉลี่ยต่อปีราว 30% โดยปี 59 คาดว่ารายได้จะเติบโตไม่น้อยกว่า 20-30% ซึ่งในปีหน้าแผนการดำเนินธุรกิจยังคงขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้ารายใหม่ โดยเน้นธุรกิจโลจิสติกส์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงยังอยู่ระหว่างเพื่อที่จะเข้าซื้อกิจการ หรือการร่วมลงทุน อีก 1 ราย แต่ปัจจุบันยังไม่สามารถเปิดเผยถึงรายละเอียดต่างๆได้ ซึ่งบริษัทฯคาดว่าจะได้ความชัดเจนในปีหน้า