นายจุฬา สุขมานพ อธิบดีกรมท่าอากาศยาน รักษาการผู้อำนวยการ กพท.เปิดเผยว่า ในวันที่ 10 ธ.ค.นี้คณะกรรมการสหภาพยุโรป(อียู)จะประกาศผลการพิจารณาในเวลาประมาณ 18.00 น.ของไทย ซึ่งจากการเข้ามาตรวจสอบของEASA เน้นที่ความตั้งใจจริงในการแก้ปัญหาด้านการบิน และไม่ไขึ้นอยู่กับารพิจารณาของสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา(FAA)
อย่างไรก็ตม เบื้องต้นเชื่อว่าอียูจะไม่ประกาศลดเกรดเหมือน FAA โดยกรณีที่ดีที่สุดคือจะไม่มีชื่อประเทศไทยอยู่ในการเฝ้าระวัง ซึ่งจะไม่มีการแบนสายการบินของประเทศไทยที่ทำการบินเข้าอียู ขณะที่กรณีแย่ที่สุด คือประกาศแบนทุกสายการบินของไทย หรือแบนเป็นรายสายการบิน ซึ่งถือว่าร้ายแรงกว่ากรณี FAA ดังนั้น ทางการบินไทยจะต้องเตรียมแผนรองรับในทางธุรกิจไว้ด้วย
ทั้งนี้ EASA เป็นตัวแทน 28 ประเทศของอียูประเมินสายการบินต่าง ๆ โดยในรอบนี้ บมจ.การบินไทย (THAI)เชิญให้ EASA มาประเมินมาตรฐานดานความปลอดภัย รวมถึงแผนการแก้ปัญหาของ กพท.ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลด้วย แต่ EASA จะเน้นที่สายการบินมากกว่า หลังจากนั้นจะเสนอผลการประเมินให้ที่ประชุมคณะกรรมการอียูต่อ ซึ่งปกติจะมีการตรวจสอบและประกาศการพิจารณาสายการบินต่างๆ ของทุกประเทศที่ทำการบินเข้าอียู ทุก 6 เดือน หรือปีละ 2 ครั้ง ซึ่งเมื่อครั้งที่แล้วอียูประกาศว่าไม่มีเหตุที่จะต้องแบนประเทศไทย
ด้านนายปีเตอร์ บอมเบย รองหัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยด้านการเดินอากาศ กระทรวงคมนาคมของสหภาพยุโรป กล่าวว่า เกณฑ์หลักๆ ที่จะพิจารณาจะเน้นเรื่องความจริงใจในการแก้ไขปัญหา ซึ่งจากข้อมูลที่ได้รับทราบเห็นว่ารัฐบาลไทยมีความตั้งใจจากที่ได้มีการจัดสรรทรัพยากรทั้งด้านงบประมาณและบุคลากรเพื่อแก้ปัญหาที่ผ่านมา และในการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการร่วมมือกันแก้ปัญหาในระยะยาว