ทั้งนี้ ปัจจุบัน UREKA มีมูลค่างานในมือ (Backlog) ประมาณ 300 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ (Design To Order) มูลค่า 210 ล้านบาท ,กลุ่มเกษตรและกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก (Make To Order) มูลค่า 80 ล้านบาท และกลุ่มสินค้าเทรดดิ้งและบริการด้านวิศวกรรม มูลค่า 10 ล้านบาท โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ ประมาณ 50 % ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีหน้า นอกจากนี้ บริษัทฯยังอยู่ระหว่างยื่นประมูลงานใหม่อีกมูลค่า มูลค่า 120 ล้านบาท คาดจะทราบผลประมูลในปีนี้ โดยบริษัทฯคาดหวังว่าจะได้รับงานประมาณ 50% ของมูลค่างานทั้งหมดที่ยื่นไป
นอกจากนี้ บริษัทฯเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มเกษตรอีก 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เครื่องเก็บมันสำปะหลัง, เครื่องปลูกสับปะรดและเครื่องคว้านเม็ดลำไยนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งคาดว่าจะพัฒนาเสร็จในปีนี้และจะพร้อมจำหน่ายในต้นปีหน้า โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเกษตรปีนี้จะอยู่ที่ 10% ของรายได้รวม และปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มเป็น 20% ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯได้เปิดตัวไปแล้ว 4 ผลิตภัณฑ์ คือ 1.เครื่องฆ่ามอดข้าวและไข่ข้าว 2.เครื่องปลูกมันสำปะหลัง 3.เครื่องสีข้าวชุมชน 4.เครื่องรีดยางพารา
"หลังจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ซบเซา เราได้กระจายความเสี่ยงไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยได้ขยายไลน์เข้าไปในกลุ่มเครื่องจักรกลการเกษตร และล่าสุดได้ขยายไลน์เข้าไปในกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก ซึ่งปัจจุบันมีออเดอร์เครื่องเป่าถุงพลาสติกแล้ว จำนวน 50 เครื่อง มูลค่าประมาณ 60 ล้านบาท โดยจะทยอยส่งมอบสินค้าใน 2 ปี นอกจากนี้เรายังมองหาธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ เพื่อลดความเสี่ยงและมีรายได้ที่แน่นอน แต่ทั้งนี้ธุรกิจที่ลงทุนดังกล่าวนั้น ไม่ใช่ธุรกิจพลังงานทดแทนอย่างแน่นอน ซึ่งหากได้ข้อสรุปจะแจ้งต่อไป โดยบริษัทฯมีความเชื่อมั่นว่าจากกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและการปรับแผนธุรกิจต่างๆ ทำให้คาดการณ์ว่าผลประกอบการในปีหน้าจะกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้อย่างแน่นอน"นายนรากร กล่าว
สำหรับงบลงทุนในปีหน้าอยู่ที่ ประมาณ 20 ล้านบาท ใช้สำหรับซื้อเครื่องจักรเพื่อขยายกำลังการผลิตชิ้นส่วนในการทำเครื่องจักร เพื่อลดต้นทุน ทดแทนการสั่งจาก Supplier