ขณะเดียวกัน บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 59 เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีนี้คาดว่ามีรายได้ 400 ล้านบาท โดยมาจากธุรกิจวัสดุก่อสร้างเติบโต 10% และธุรกิจรับสร้างบ้านเติบโต 20-30% จากแผนขยายโชว์รูมรับสร้างบ้านเพิ่มอีก 3 แห่งในปีหน้า ได้แก่ โชว์รูมที่ระยอง จะเริ่มเปิดบริการในวันที่ 18 มี.ค.59 ตั้งเป้ารายได้ 50 ล้านบาท โชว์รูมที่เลียบทางด่วนอาจณรงค์-รามอินทราเริ่มเปิดบริการ 20 เม.ย.59 ตั้งเป้ารายได้ 80 ล้านบาท และโชว์รูมที่เกษตร-นวมินทร์ เปิดให้บริการ 9 มิ.ย.59 ตั้งเป้ารายได้ 80 ล้านบาท ทั้ง 3 โชว์รูมใหม่ใช้งบลงทุนราว 35 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทมีโชว์รูมในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล 3 แห่ง ได้แก่ เซ็นทรัลพระราม 3 เซ็นทรัลบางนา และเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ และอีก 1 แห่งเป็นโชว์รูมหลักที่สำนักงานใหญ่
“ปีหน้าเราจะรุกธุรกิจรับสร้างบ้านให้มากขึ้น เพราะมองเห็นถึงโอกาสของตลาดที่มีขนาดใหญ่ 5 หมื่นล้านบาท แม้ว่าปีหน้าตลาดรับสร้างอาจจะยังชะลอตัว เพราะกำลังซื้อเรามองว่าอ่อนตัวอยู่ แต่การที่มีตลาดขนาดใหญ่ทำให้เราสามารถขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น เพื่อมาชดเชยกับธุรกิจวัสดุก่อสร้างที่ยังคงชะลอตัวและเติบโตได้ไม่มาก จะเห็นได้จากยอดจองของงานรับสร้างบ้านในช่วงที่ผ่านมาเติบโตถึง 150% ซึ่งปีหน้าโชว์รูมเรามากขึ้น และโรงงานผลิตบ้านสำเร็จรูป 2 โรงที่เพิ่มมาจะช่วยเราขยายงานได้มากขึ้น อีกทั้งลูกค้าก็ให้ความสนใจนวัตกรรมการสร้างบ้านแบบญี่ปุ่นที่เรามีให้ลุกค้าเลือกอีกด้วย"นายธวัช กล่าว
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ในปีหน้าของบริษัทจะเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย โดยจะจากธุรกิจรับสร้างบ้าน 55% และสัดส่วนรายได้ธุรกิจวัสดุก่อสร้างอยู่ที่ 45% จากปีนี้ที่สัดส่วนรายได้ธุรกิจรับสร้างบ้านอยู่ที่ 50% และสัดส่วนรายได้ธุรกิจวัสดุก่อสร้างอยู่ที่ 50%
นายธวัช กล่าวว่า แนวโน้มกำไรสุทธิในปี 59 คาดว่าจะสูงกว่าปีนี้ หลังจากกระจายรายได้มาในงานธุรกิจรับสร้างบ้านมากขึ้น โดยจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในปีหน้าจะมากกว่า 30% และอัตรากำไรสุทธิจะฟื้นตัวไปที่ 7% จากปีนี้อยู่ที่ 4%
ส่วนงบลงทุนในปี 59 บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 50 ล้านบาท แบ่งเป็นการใช้ก่อสร้างดรงงานผลิตโครงสร้างเหล็กนาโน 15 ล้านบาท และขยายโชว์รูมฯ
นอกจากนั้น บริษัทยังตั้งเป้าหมายในปี 61 จะเข้าไปรุกตลาดในเวียดนามอย่างเต็มตัว โดยจะนำทั้ง 2 ธุรกิจของบรัทเข้าไปทำตลาดในประเทศเวียดนาม ซึ่งจะมีการตั้งบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่นในเวียดนาม ในเบื้องต้นคาดว่าใช้เงินลงทุนราว 20-30 ล้านบาท อีกทั้งหลังจากการรุกตลาดเวียดนามอย่างเต็มตัวแล้ว บริษัทอาจจะขยายไปสู่อินโดนีเซียและอินเดียด้วย