ขณะที่รายได้ในปีนี้ยังมั่นใจทำได้ตามเป้า 2 พันล้านบาท หลังจากในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้แล้ว 1.35 พันล้านบาท โดยจะมีการทยอยโอนในช่วงไตรมาส 4/58 ราว 700 ล้านบาท จากยอดขายรอโอน(Backlog) ที่มีอยู่ไนปัจจุบัน 6.2 พันล้านบาท และส่วนที่เหลือจะทยอยโอนไปถึงปี 60
สำหรับแผนงานในปีหน้าบริษัทตั้งเป้ายอดขายพรีเซลที่ 7 พันล้านบาท โดยในปีหน้าบริษัทมีแผนเปิด 8-10 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 1 หมื่นล้านบาท โดยเน้นเป็นโครงการคอนโดมิเนียมทั้งหมด ในกรุงเทพฯ นนทบุรี ชลบุรี และสมุทรปราการ อย่างไรก็ตามบริษัทวางแผนการเปิดโครงการใหม่ในไตรมาส 1/59 เบื้องต้น 3 โครงการ มูลค่า 3 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตามการเปิดโครงการเพิ่มขึ้นในปีหน้าส่งผลให้งบซื้อที่ดินของบริษัทในปีหน้าได้ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท จากเดิม 2 พันล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีที่ดินที่รองรับการเปิดโครงการใหม่ในปี 59 แล้ว 50% ส่วนรายได้ในปี 59 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 4 พันล้านบาท สูงขึ้นจากปีนี้ที่ 2 พันล้านบาท โดยในช่วงต้นปีจะมีการโอนคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท
"ปีหน้าเรามองภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีแนวโน้มเติบโตอย่างชัดเจน หลังเกิดการลงทุนของภาครัฐออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจในประเทศมีการขยายตัวขึ้น และในช่วงต้นปีถึงสิ้นเดือนเมษาฯปีหน้าก็ยังมีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯอยู่ ทให้ภาคอสังหาฯยังมีปัจจัยกระตุ้นในช่วง 4 เดือนแรก แต่เชื่อว่าหากหมดมาตรการนี้ไปแล้ว การลงทุนของภาครัฐจะเป็นตัวเข้ามาซับพอร์ต อีกทั้งการแข่งขันของผู้ประกอบการแต่ละเจ้าน่าจะรุนแรงเพิ่มขึ้นในปีหน้า เพราะแต่ละรายก็มองเศรษฐกิจและตลาดมีทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการแต่ละเจ้ามีการเปิดโครงการมากขึ้นในปีหน้า ซึ่งเราก็มองตลาดอสังหาปีหน้าจะขยายตัวได้ราว 10-15% จากปีนี้ที่ไม่ขยายตัว"นายพีระพงศ์ กล่าว
นายพีระพงศ์ กล่าวว่า หลังเข้าร่วมงานไทยแลนด์ โฟกัส มีนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ 4-5 ราย ได้แก่ นักลงทุนจากสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และฮ่องกง และนักทุนสถาบันในประเทศ 2 ราย ให้ความสนใจลงทุนในหุ้นของบริษัท หลังจากเห็นการเติบโตของบริษัทในเรื่องของรายได้และกำไร ประกอบกับการขยายตัวของการเปิดโครงการและการสร้างยอดขายที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ทำให้นักลงทุนสถาบันเกิดความสนใจ แต่นักลงทุนกลุ่มดังกล่าวยังติดปัญหาหุ้น ORI ที่ยังมีสภาพคล่องน้อย ซึ่งส่งผลให้บริษัทจะต้องพิจารณาการเพิ่มสภาพคล่องอีกรอบหลังพ้น Silent Period โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้มีแผนการลดพาร์ แต่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯไม่อนุมัติให้ทำการลดพาร์ ทำให้บริษัทพับแผนดังกล่าวไป
"บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาเพิ่มสภาพคล่องของหุ้นอีกครั้งภายในครึ่งปีแรกของปี 59 หลังกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีสัดส่วน 55% ติดห้ามขายหุ้น (Silent Period) เป็นระยะเวลา 6 เดือน หลังจากเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันแรก"นายพีระพงศ์ กล่าว