ขณะที่กำไรสุทธิ บริษัทฯคาดจะกลับมาทำได้ใกล้เคียงกับปี 57 ซึ่งอยู่ที่ 362.02 ล้านบาท หลังจะได้รับเงินปันผลจาก Aeolus เข้ามาราว 170 ล้านบาทต่อปี แต่อย่างไรก็ตามในไตรมาส 1/59 จะมีความเสี่ยงในเรื่องของค่าเสียโอกาสในการซ่อมเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งยังประเมินไม่ได้ว่าจะมากน้อยเพียงใด
ทั้งนี้การลงทุนในโครงการพัฒนาระบบน้ำประปาในประเทศสปป.ลาว คาดว่าจะสามารถจ่ายน้ำได้ภายในไตรมาส 2/59 หลังจากนั้นจะเข้าพัฒนาระบบไฟฟ้าใต้ดิน ในช่วงไตรมาส 2-ไตรมาส 3 ปีหน้า ขณะที่โครงการไฟฟ้าพลังงานลมที่เขาค้อ จะเริ่มขายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาส 2/59 ซึ่งจะรับรู้เป็นเงินปันผลเข้ามาเพิ่มขึ้น จากสิ้นปีนี้จะได้รับเงินปันผลประมาณ 40 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 58 บริษัทฯคาดรายได้จะเติบโตมาที่ 5-6 พันล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 5.1 พันล้านบาท หลัง 9 เดือนที่ผ่านมามีรายได้แล้ว 3.5 ล้านบาท โดยไตรมาส 4/58 คาดจะรับรู้รายได้งานในมือ เข้ามาอีกจำนวน 2-2.5 พันล้านบาท จากงานในมือปัจจุบันที่มีอยู่ทั้งสิ้น 9.5 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปถึงปี 60 ขณะเดียวกันยอมรับกำไรสุทธิปีนี้จะลดลง เมื่อเทียบกับปีก่อนที่อยู่ที่ 362.02 ล้านบาท หลัง 9 เดือนมีกำไรสุทธิเพียง 7.72 ล้านบาท เนื่องด้วยมีการเข้าลงทุนปรับปรุงเสากังหันลมโครงการห้วยบง ของบริษัท วิน เอ็นเนอร์ยี่ โฮลดิ้งส์ จำกัด (WEH) โดยมีเงินที่เข้าลงทุนดังกล่าวราว 400 ล้านบาท ที่กู้จากสถาบันทางการเงิน ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จได้ในช่วงกลางไตรมาส 2/59 และจะส่งผลต่อกำไรสุทธิ ให้ปรับตัวดีขึ้น โดยตั้งเป้าอัตรากำไรสุทธิในปี 59 จะเพิ่มขึ้นเป็น 7% จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.22%
พร้อมกันนี้บริษัทฯมีแผนคืนเงินกู้จากธนาคารทั้งหมด 400 ล้านบาท ภายใน 5 ปี โดยจะนำเงินที่ได้รับปันผลของ Aeolus ไปชำระคืนปีละ 80 ล้านบาท ขณะที่การปรับปรุงฐานเสากังหันลมโครงการห้วยบง ปัจจุบันใช้เงินลงทุนไปแล้ว 332 ล้านบาท คาดว่าน่าจะมีค่าใช้จ่ายเข้ามาเพิ่มอีก 10-15% อีกทั้งหากมีความจำเป็นที่จะต้องการใช้เงินลงทุนเพิ่มอีก ก็อาจจะมีการพิจารณาขายหุ้นที่บริษัทฯถือหุ้นใน WEH จำนวน 4.2 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปใช้ในการลงทุนต่อไป
สำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ของบริษัท วินด์ เอ็นเนอร์ยี่ โฮลดิ้งส์ จำกัด (WEH) คาดจะสามารถยื่นไฟลิ่งต่อก.ล.ต.ได้ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะเป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่วางไว้