นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวน์กลับขึ้นมาได้หลังจากที่ปรับตัวลงไปแรงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แต่ภาพโดยรวมยังมีความผันผวน เนื่องจากตลาดฯยังมีความกังวลเกี่ยวกับธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย และตลาดฯก็ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามา ขณะที่ทางเทคนิคแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มยังมีแรงขายอยู่
อย่างไรก็ดี เรื่องที่ไทยสอบผ่านมาตรฐานความปลอดภัยการบินจากสำนักงานความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งสหภาพยุโรป (EASA) ทำให้เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทย ซึ่งมองว่าหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว และธุรกิจการบินก็น่าจะฟื้นตัวได้ รวมถึงหุ้นขนาดกลาง-เล็กก็น่าจะมีการรีบาวน์กลับได้บ้าง มีเพียงหุ้นในกลุ่มพลังงานที่อาจจะยังกดดันตลาดฯอยู่ ดังนั้นการฟื้นตัวของดัชนีฯจึงเป็นลักษณะแกว่งไซต์เวย์
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ต่างรอดูการประชุมเฟดอยู่ แม้ว่าตลาดจะค่อนข้างมั่นใจว่าครั้งนี้เฟดจะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ตาม ซึ่งก็เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้ Flow ไหลออกบ้างในช่วงก่อนที่จะรู้ผลการประชุมเฟดที่จะมีขึ้นในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้
พร้อมให้แนวรับ 1,292 จุด ส่วนแนวต้าน 1,310 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(10 ธ.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,574.75 จุด เพิ่มขึ้น 82.45 จุด(+0.47%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,045.17 จุด เพิ่มขึ้น 22.30 จุด(+0.44%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,052.23 จุด เพิ่มขึ้น 4.61 จุด(+0.23%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 25.80 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 13.90 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 14.56 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.16 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.75 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.25 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.46 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.27 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 5.15 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(9 ธ.ค.58) 1,297.82 จุด ลดลง 9.16 จุด(-0.70%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,402.76 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.58
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(10 ธ.ค.58) ปิดที่ 36.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 40 เซนต์ หรือ 1.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(10 ธ.ค.58)ที่ 7.96 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 36.00 คาดแกว่งแคบ ปริมาณซื้อขายเบาบาง รอผล FOMC สัปดาห์หน้า
- นายจักรพร อุ่นจิตต์ ผู้อำนวยการสถาบันการก่อสร้างแห่งประเทศไทย กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในปี 2559 นั้นจะเติบโตมากกว่า 10% หลังจากงานก่อสร้างภาครัฐเพิ่มขึ้น เนื่องจากรัฐบาลพยายามผลักดันให้เกิดการใช้งบค้างท่อมาตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2557 จนมาถึงปัจจุบัน ส่งผลให้งานก่อสร้างภาคเอกชนเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2558
- วันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ประกาศผลการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินขององค์การความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรป (EASA) หรือเอียซ่า ว่า ไม่มีสายการบินของไทยแห่งใดตก มาตรฐานเอียซ่า
- แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ขอให้กระทรวงการคลังแยกรายการเบิกจ่ายของงบกลางปีงบประมาณ 2559 ออกจากงบรวม เนื่องจากการ เบิกจ่ายงบกลางมีความล่าช้ามาก ฉุดภาพรวมการเบิกจ่ายงบประมาณ ทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อไม่เต็มที่ เพราะเห็นว่าการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้าทำให้เงินยังไม่เข้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานยอดการให้บริการบัตรเครดิต ณ สิ้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า ทั้งระบบมีการใช้จ่ายผ่านบัตรรวมทั้งสิ้น 1.37 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,080 ล้านบาท หรือ 6.28% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.29 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์ประมาณ 9.6 หมื่นล้านบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- BDMS(ยูโอบี เคย์เฮียน)เป้า 25.50 บาท เป็นหุ้น defensive ที่ต้านตลาดและเศรษฐกิจขาลงได้ดี จากเงินบาทอ่อนค่าช่วยให้ผู้ป่วยต่างชาติเข้ามารักษามากขึ้น และมีปัจจัยบวกจาก BDMS จะสร้างตึกเพิ่มอีก 6 ตึก แต่ละตึกมี 60 เตียง ลงทุน 6 พันล้านบาท และ 2 พันล้านบาท เพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ โดยจะสร้างไว้รองรับผู้ป่วยต่างชาติจากการเปิด AEC โดยคาดจะช่วยเพิ่ม capacity ได้ถึง 74% ภายในปี 2018 และยังมีแผนเปิดโรงพยาบาลเพิ่ม คือสมิทติเวช ชลบุรีในปีนี้ และเปาโลรังสิต และจอมเทียน Hospital ในปีหน้า และตั้งใจจะซื้อโรงพยาบาลเพิ่มอีก 6 โรงพยาบาลให้มีครบทั้งหมด 50 แห่ง รวมถึงอัตราส่วนของผู้ป่วยต่างชาติมีมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งมีแผนขยายธุรกิจขายยาและเวชภัณฑ์ที่มี Margin สูงกว่าธุรกิจโรงพยาบาลทั่วไป
- BA(เคทีบี)เป้าเฉลี่ยจาก IAA Consensus 25.88 บาท BA บริหารสนามบินที่สมุยกับสุโขทัยเอง และทำข้อตกลงเที่ยวบินร่วม (Code Share Agreement) กับสายการบินเอมิเรตส์แอร์ไลน์ และสายการบินแอร์แอสตานา เพื่อเพิ่มการเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคยุโรปให้มากขึ้น และล่าสุดหน่วยงานความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรป (EASA) ได้ออกแถลงการณ์ว่าไม่มีสายการบินของไทยในรายชื่อสายการบินที่ไม่อนุญาตให้บิน, ผลการดำเนินงาน Q3/58 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 578.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 533% QoQ และพลิกจากขาดทุน 51.85 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน และผู้บริหารคาดกำไรสุทธิปีนี้ทำสถิติสูงสุดใหม่ ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ หลังจาก 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิแล้ว 1,740 ล้านบาท โดยผลประมาณการกำไรปี 2558 ของ BA จาก Bloomberg Consensus อยู่ที่ 2,088.86 ล้านบาท
- AH(เคทีบี)"ซื้อ"เป้าปีหน้า 14.50 บาท คาดกำไรสุทธิ 4Q58 ลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลที่มีวันหยุดมาก แต่คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น YoY ตามอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น โดยคาดในปี 2558 AH จะมีกำไรสุทธิที่ 308 ล้านบาท ลดลง 16% YoY สำหรับปี 2559 คาดกำไรจะเริ่มกลับมาปรับตัวดีขึ้น ตามทิศทางยอดการผลิตรถยนต์ในปี 2559 ที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 5% YoY เป็น 2 ล้านคัน โดยมองทิศทางรายได้ในปี 59 ในทิศทางเดียวกัน ซึ่ง AH ยังมีปัจจัยบวกจากคำสั่งซื้อชิ้นส่วนรถยนต์ใหม่ที่เพิ่มขึ้น โดยคาดกำไรสุทธิปี 59 ที่ 350 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% YoY
- SMPC(เก็งกำไร)เป้า 7.7 บาท ยังคงประเมินผลการดำเนินงานไตรมาส 4/58 เด่น โต QoQ และ YoY จาก อัตราการใช้กำลังการผลิตที่คาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 85 – 90% (จาก 76% ในไตรมาส 3/58) เพราะลูกค้าชะลอต่างประเทศชะลอการสั่งซื้อไปใน 1H58 ขณะที่ดีมานด์ถังแก๊ซยังเพิ่มขึ้น (โดยเฉพาะในแอฟริกาใต้) จึงกลับมาเร่งการสั่งซื้อตั้งแต่ไตรมาส 3/58 พร้อมคาดกำไรปกติ(ไม่รวมกำไรพิเศษ) ปี 2559 โต 25% YoY เป็น 339 ล้านบาท (EPS 0.64) ทำให้ PE ต่ำเพียง 9.3 เท่า (PE บนกำไรปกติปีนี้ 11.8 เท่า)