สำหรับโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 มีจุดเด่นด้านทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่ในย่านอโศก-สุขุมวิท ที่เป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้า BTS และ MRT รวมถึงมีพื้นที่ติดกับศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 ซึ่งมีร้านอาหาร แฟชั่น โรงภาพยนตร์และซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำมากกว่า 500 ร้านค้า นอกจากนี้ ยังแวดล้อมด้วยอาคารสำนักงาน แหล่งช้อปปิ้ง สวนสาธารณะ ฯลฯ จึงเป็นจุดเชื่อมภาคธุรกิจการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว บันเทิงและไลฟ์สไตล์หลากหลายรูปแบบที่สำคัญของกรุงเทพฯ
นางจันทนา กาญจนาคม กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ LHHOTEL กล่าวว่า โรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 นับเป็นทรัพย์สินที่มีศักยภาพและผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดยเป็นอาคารสูง 28 ชั้นและชั้นใต้ดิน 2 ชั้น มีพื้นที่รวมประมาณ 47,298 ตารางเมตร ซึ่งห้องพักได้รับการออกแบบและตกแต่งให้รองรับได้ทั้งกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ โดยนับจากเปิดให้บริการมากว่า 3 ปี ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2555 เป็นต้นมา
โรงแรมมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นมาโดยตลอด คิดเป็นอัตราเข้าพักเฉลี่ยต่อปีในช่วงปี 2555-2557 ไม่ต่ำกว่า 85% และมีอัตราค่าเช่าห้องพักในปี 2555 - พ.ค. 2558 เติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 13% โดยนอกจากทำเลที่ตั้งของโรงแรมซึ่งเป็นปัจจัยส่งเสริมศักยภาพของโรงแรมแล้ว ยังได้รับปัจจัยเกื้อหนุนจากภาคการท่องเที่ยวของไทยที่มีอัตราการขยายตัวที่ดี โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจากฝั่งเอเชียทั้งญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลี ฯลฯ ซึ่งส่วนหนึ่งนิยมพักอาศัยในย่านใจกลางเมืองเพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง
ทั้งนี้ กองทรัสต์ LHHOTEL ซึ่งเป็นกองทรัสต์โรงแรมกองแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีมูลค่ารวมทั้งหมดประมาณ 3,825 ล้านบาท ซึ่งมาจากการระดมทุนจากการเสนอขายหน่วยทรัสต์ทั้งหมดเป็นจำนวนเงินประมาณ 3,137 ล้านบาท และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินประมาณ 688 ล้านบาท
“สำหรับนักลงทุนที่ไม่สามารถจองซื้อหน่วยทรัสต์ในช่วงเปิดจองซื้อที่ผ่านมา สามารถซื้อหน่วยทรัสต์จากกระดานในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งคาดว่ากองทรัสต์ LHHOTEL จะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรกในวันที่ 22 ธันวาคมนี้ และเชื่อว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนได้" นางจันทนา กล่าว