ทั้งนี้ การขยายไลน์ธุรกิจดังกล่าวเพื่อสร้างการเพิ่มมูลค่าให้กับสิ่งพิมพ์บรรจุภัณฑ์เดิมของบริษัทให้สามารถขยายตลาดด้านสิ่งพิมพ์บรรจุภัณฑ์ไปยังลูกค้ารายใหม่ๆ หลีกเลี่ยงการแข่งขันในตลาดสิ่งพิมพ์บรรจุภัณฑ์ในประเทศแบบเดิม ส่วนแผนการรุกขยายธุรกิจด้านโลจิสติกส์ยังคงเดินหน้า คาดว่าเห็นความชัดเจนในปี 59
“การลงทุนด้านบรรจุภัณฑ์ และด้านโลจีสติกส์นั้น ถือเป็นหนึ่งในแผนการสร้างการเติบโตให้แก่บริษัทในอนาคต และยังเป็นการทดแทนธุรกิจหลักในด้านสิ่งพิมพ์ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ลดลง จากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว" นางสาวศิริวรรณ กล่าว
นางสาวศิริวรรณ กล่าววส่า บริษัทได้วางเป้าหมายในธุรกิจสิ่งพิมพ์ประเภทลาเบลบรรจุภัณฑ์ในปี 59 โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 40-50 ล้านบาทสำหรับช่วงเริ่มทำตลาด และวางเป้าการเติบโตของธุรกิจดังกล่าวในปี 60 ไม่น้อยกว่า 20%
"ข้อสรุปในการร่วมทุนกับพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่นเข้าลงทุนในธุรกิจสิ่งพิมพ์ประเภทลาเบลบรรจุภัณฑ์ จะเริ่มลงทุนในช่วงไตรมาส 1/59 และจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 2/59 วางงบลงทุนเบื้องต้นไว้ราว 100 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นเงินบริษัทฯจะลงทุนในสัดส่วนที่ถือหุ้นอยู่ 51%"นางสาวศิริวรรณ กล่าว
ขณะที่แผนการรุกธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ อยู่ในขั้นตอนของการเจรจากับพันธมิตรเพื่อนบ้าน สำหรับประเทศที่บริษัทฯ สนใจเข้าไปลงทุน โดยที่เห็นเป็นประเทศแรก คือ สปป.ลาว ในการเข้าไปรับงานสิ่งพิมพ์ปลอดการทำเทียม (แบบพิมพ์ซีเคียวริตี้) แบบ Turn Key ของภาครัฐ หลังจากนั้นจะขยายไปในประเทศอื่นๆ ได้แก่ กัมพูชา และเมียนมาร์ ตามลำดับ
นางสาวศิริวรรณ เปิดเผยว่า บริษัทปรับเพิ่มเป้ารายได้ปี 59 เพิ่มขึ้นเป็นเติบโต 20% หรือที่ราว 1,650 ล้านบาท จากเดิมคาดรายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หลังจากมีความร่วมมือกับพันธมิตรดังกล่าว ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) 1,200 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ทั้งหมดในปีหน้า หลังจากปีนี้รายได้พลาดเป้าหมายที่วางไว้ 1,700 ล้านบาท เหลือเพียง 1,400 ล้านบาท เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี และงานร่างรัฐธรรมนูญ มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท ถูกเลื่อนออกไป
ในปี 59 บริษัทจะมีรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเติมด้วย โดยประเทศแรก คือ ลาว ซึ่งร่วมกับพันธมิตรเข้าไปรับงานสิ่งพิมพ์ปลอดการทำเทียมแบบ Turn Key ของภาครัฐฯ ที่จะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 2/59 เป็นต้นไป โดยบริษัทคาดหวังจะมีรายได้ราว 60-70 ล้านบาท พร้อมกันนั้น บริษัทคาดว่าจะเห็นการเริ่มเข้าลงทุนในกัมพูชาในปี 59 และจะรื้อฟื้นการเจรจากันพันธมิตรในพม่าอีกครังหลังจากที่ชะงักไป เนื่องจากพม่ามีรัฐบาลใหม่ทำให้กฎระเบียบต่างๆเปลี่ยนไป