ทั้งนี้ บริษัทฯคาดอัตรากำไรสุทธิจะกลับมาอยู่ในระดับ 10% ซึ่งเป็นผลมาจากแนวโน้มราคาไก่จะขึ้นไปเกินจุดคุ้มทุน ประกอบกับบริษัทจะมีการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีอัตรากำไร(มาร์จิ้น)สูงขึ้น เช่น ไส้กรอก ที่จะเริ่มผลิตและจำหน่ายได้ในช่วงไตรมาส 2/59 ในขณะดียวกันยังจะมีการพิจารณาเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
ในปี 59 บริษัทจะพิจารณาสร้างโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับหมู แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ชัดเจนเพราะยังเป็นเพียงการเริ่มต้นศึกษา ทั้งนี้ คาดหวังว่าโรงงานดังกล่าวจะช่วยสร้างผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าเพิ่มในอนาคต และหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นด้วย
ในส่วนของรายได้ตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตได้ราว 20% จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ใกล้เคียงปีก่อนที่ทำได้ราว 1.7 หมื่นล้านบาท โดยตั้งเป้าที่เพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศให้เพิ่มขึ้นเป็น 15% จากปีนี้อยู่ที่ราว 7% เน้นการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น และยุโรป และยังเตรียมขยายตลาดไปยังมาเลเซีย เกาหลีใต้ ฮ่องกง และจีนเพิ่มเติมด้วย
พร้อมกันนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างพิจารณาเพิ่มเวลาทำงาน เพื่อที่จะเพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้นด้วย สำหรับสัดส่วนรายได้จะมาจากเนื้อไก่ 64% เนื้อหมู 28% อาหารสัตว์ 8% และอื่นๆ 4%
นายคมกฤช มีคำสัตย์ ผู้อำนวยการฝ่ายตลาดทุน บล.เคที ซีมิโก้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน TFG เปิดว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงไปต่ำกว่าราคา IPO ที่ 1.95 บาท นั้นเป็นไปตามภาวะตลาดหุ้น และการที่บริษัทยังมีผลขาดทุนอยู่ แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าราคาหุ้นจะสะท้อนไปในทางที่ดีขึ้นหลังจากผลประกอบการพลิกกลับมามีกำไร