บริษัทตั้งเป้าปี 59 รายได้เติบโต 150% จากปี 58 เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่สามารถจ่ายไฟฟ้าได้เรียบร้อยแล้ว 2 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าชีวมวลช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ (CRB) และโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ (MWE) และยังมีโรงไฟฟ้าชีวมวลที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและคาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบภายใต้ Feed in Tariff (FiT) ภายในไตรมาส 1/59 คือ โรงไฟฟ้าชีวมวลมหาชัย กรีน เพาเวอร์ (MGP) จึงทำให้มั่นใจได้ว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในปีหน้าจะรับรู้รายได้ทั้ง 3 โรงไฟฟ้า รวมจำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้ทั้งสิ้น 30 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
บริษัทฯ ยังมีแผนขยายการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลออกไปในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะเริ่มที่ประเทศกัมพูชาและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพราะพื้นที่ดังกล่าวมีศักยภาพเหมาะแก่การลงทุน โดยคาดว่าภายในต้นปีหน้าจะมีความชัดเจน
ส่วนกรณีที่ บมจ.ไทยโพลีคอนส์ (TPOLY) ขายหุ้น TPCH ออกมาในสัดส่วน 9.35% ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนไม่ต้องกังวล เพราะขายให้กับนักลงทุนสถาบัน ประกอบกับ บริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีอนาคตที่ดี จึงมั่นใจว่านักลงทุนสถาบันจะถือลงทุนในระยะยาว
ปัจจุบันโครงการของ TPCH อยู่ระหว่างการขออนุญาตดำเนินการก่อสร้างและผลิตโรงไฟฟ้าชีวมวล ทั้งหมด 106 เมกะวัตต์ ได้รับใบอนุญาตแล้ว 83 เมกะวัตต์ มีโรงไฟฟ้าชีวมวลที่รับซื้อไฟฟ้าในระบบ Adder จำนวน 33 เมกะวัตต์ คือโรงไฟฟ้าชีวมวลช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ (CRB) และโรงไฟฟ้าชีวมวล ปัตตานี กรีน เฟส1 (PTG)
และภายใต้การรับซื้อไฟฟ้าในระบบ Feed in Tariff (FiT) จำนวน 50 เมกะวัตต์ คือโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ (MWE) , โรงไฟฟ้าชีวมวลมหาชัย กรีน เพาเวอร์ (MGP), โรงไฟฟ้าชีวมวลทุ่งสัง กรีน (TSG) ,โรงไฟฟ้าชีวมวลพัทลุง กรีน เพาเวอร์ (PGP) และโรงไฟฟ้าชีวมวลสตูล กรีน เพาเวอร์ (SGP)
"ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 4 โครงการ กำลังการผลิตรวม 40 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวลมหาชัย กรีน เพาเวอร์ (MGP) ที่คาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าได้ในไตรมาสแรกของปี 59 ,โรงไฟฟ้าชีวมวลทุ่งสัง กรีน (TSG),โรงไฟฟ้าชีวมวลพัทลุง กรีน เพาเวอร์ (PGP) และโรงไฟฟ้าชีวมวลสตูล กรีน เพาเวอร์ (SGP) นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการขอใบอนุญาตอีก 1 โครงการคือโรงไฟฟ้าชีวมวล ปัตตานี กรีน (PTG) มีกำลังการผลิต 46 เมกะวัตต์ โดยการก่อสร้างดังกล่าวเป็นไปตามแผนที่บริษัทวางไว้คือ 200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2563 หรือ 5 ปีข้างหน้า"นายเชิดศักดิ์ กล่าว