นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากธุรกิจขายและให้บริการลูกค้าองค์กรขนาดกลาง 1 พันล้านบาท ซึ่งจะเริ่มเปิดดำเนินงานในเดือน ม.ค.59 และคาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจจากการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ราว 500 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทตั้งเป้าอัตรากำไรสุทธิในปีหน้าเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 2% จากปีนี้ 1.5% เนื่องจากการลดต้นทุนและควบคุมค้าใช้จ่ายในการบริหารจัดการสินค้าคงคลังให้มีประสิทธิภาพ และมีกำไรจากการจำหน่ายโปรแกรมสำหรับร้านค้าปลีกที่จะสามารถบันทึกกำไรได้ราว 200 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีการให้บริการสมัครแพ็คเกจ 4G ของลูกค้ากับค่ายมือถือ ซึ่งบริษัทได้รับเป็นค่าคอมมิชชั่น ซึ่งตั้งเป้าเติบโต 100% ในปีหน้าจากปีนี้ที่ทำรายได้ 20 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้กำไรสุทธิดีกว่าปีนี้
"ภาพของกำลังซื้อปีหน้าน่าจะไม่ต่างจากปีนี้มากนัก แต่การแข่งขันของ Operator น่าจะรุนแรงขึ้นเพราะ 4G ราคาที่พอๆกับ 3G และมีการพ่วง WIFI เข้ามาซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเราอีก ทำให้ตลาดอาจจะคึกคักมากขึ้นในปีหน้า และในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 4 ของทุกปี ก็เป็นช่วง Seasonning ของธุรกิจเราอยู่แล้ว เพราะมี Product ใหม่ออกมา"นายสุระ กล่าว
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยมองที่จะขยายไปยังพม่าและเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในพม่า 2-3 ราย และพันธมิตรในเวียดนาม 3 ราย ซึ่งคาดว่าจะได้ความชัดเจนในปีหน้า
สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายรายได้ลงเหลือโต 5% จากปีก่อน จากเดิมที่ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% เพราะภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทยชะลอตัวและกำลังซื้อเกิดการชะลอตัว ทำให้การตัดสินใจซื้อชะลอตัวตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะสูงกว่าปีก่อน ซึ่งเป็นการเติบโตตามยอดขายที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/58 คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้ ทั้งในแง่ของรายได้ และกำไร เนื่องจากเป็น High Season ธุรกิจมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะยอดขายจาก iPhone 6s - iPhone 6s Plus ซึ่งเริ่มจำหน่ายวันที่ 30 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีมาก รวมทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่ม iPad Pro - Apple TV เข้ามาสนับสนุนผลงานในช่วงสุดท้ายของปีนี้
อีกทั้งบริษัท มียอดขายที่ดีอย่างต่อเนื่องจากการจำหน่ายสินค้าผ่านสาขาของบริษัทฯ กว่า 300 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งมีสินค้าครอบคลุมทุกประเภททั้งไอที และอุปกรณ์สื่อสาร รวมถึงกลยุทธ์จำหน่ายสินค้าที่มีมาร์จิ้นที่ดี ควบคู่กับการพยายามควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายให้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ปรับปรุงระบบ Supply chain management โดยใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วย
บริษัทยังอยู่ระหว่างรุกบริการซ่อมแซมสินค้าภายใต้ชื่อ ร้าน "iCare" ซึ่งมีการแข่งขันที่ต่ำ และมีมาร์จิ้นสูง เนื่องจากเป็นร้านที่ได้รับสิทธิเป็นตัวแทนซ่อมแซม สินค้าแบรนด์ Apple ต่างจากเดิมที่สินค้า Apple ต้องส่งซ่อมที่ Operator เท่านั้น อีกทั้ง ร้านที่ได้รับสิทธิเป็นตัวแทนซ่อมแซมมีจำนวนสาขาทั้งหมด 28 แห่ง ซึ่งป็นของ COM7 19 แห่ง และมี Market share สูงถึง 90% ในต่างจังหวัด เป็นโอกาสที่จะช่วยเพิ่มฐานกำไรให้บริษัทฯ ในอนาคต
“ในช่วงไตรมาส 4/58 ถึงช่วงไตรมาส 1/59 บริษัทฯได้รับผลดีจากการอยู่ในช่วง High Season เนื่องจาก มีการออกสินค้าใหม่อย่าง iPhone 6s , iPhone 6s Plus , iPad Pro , Surface Pro 4 ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ สามารถซื้อไอโฟนได้โดยตรงจาก Apple ต่างจากอดีต และผู้ประกอบการรายอื่นที่ยังต้องซื้อผ่านร้าน Operator เนื่องจากบริษัทฯ มียอดจำหน่ายสินค้า Apple สูงมาก
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการวางแผนขยายธุรกิจการซ่อมผ่าน iCare ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น ขณะเดียวกันยังได้รับผลดีจากการเปิดประมูล 4G เพราะ COM7 มี Device รองรับ 4G จำหน่ายผ่านร้าน iStudio BananaIT ฯลฯ กว่า 300 สาขาทั่วประเทศ และการที่มีสาขามากทำให้ได้เปรียบมีผู้ให้บริการโทรศัพท์เข้ามาเจรจาขอให้บริษัทฯ จัดขายเครื่องคู่กับซิมของค่ายต่างๆ และได้ส่วนแบ่งรายได้เข้ามา ซึ่งยังอยู่ระหว่างเจรจา"นายสุระ กล่าว
ทั้งนี้ แผนระยะยาว 3-5 ปีนับจากนี้หลังจากที่บริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท นอกจากนิ้ COM7 ยังมีภารกิจที่สำคัญ คือ การเพิ่มอัตรากำไรสุทธิ และการรักษาแชมป์ยอดขายอันดับ 1 ด้านยอดขายของตัวแทนการจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Apple ในประเทศไทย และในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างต่อเนื่อง