ขณะที่บริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปีหน้าจะอยู่ที่ระดับ 32% ซึ่งลดลงจากปีนี้ที่ตั้งไว้ 34% เนื่องจากบริษัทมีการเปิดโครงการน้อยลง แต่อัตรากำไรขั้นต้นดังกล่าวยังถือว่าอยู่ในระดับปกติที่ 30-35%
สำหรับยอดขายพรีเซลในปี 59 คาดว่าจะอยู่ที่ 2.15-2.25 หมื่นล้านบาท ลดลง 8% จากเป้าหมายในปีนี้ที่ตั้งไว้ 2.25-2.35 หมื่นล้านบาท หรือลดลง 8% เนื่องจากบริษัทมีจำนวนโครงการและมูลค่าของโครงการที่เปิดใหม่ลดลงเหลือ 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2.2-2.3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่ ANAN พันฒนาเอง 4 โครงการ คอนโดมิเนียมที่พัฒนาโดยบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น 4 โครงการ และโครงการแนวราบอีก 2 โครงการ จากปีนี้บริษัทเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 11 โครงการ มุลค่าโครงการรวม 3.4 หมื่นล้านบาท
นอกจากนั้น บริษัทยังได้มีการเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นการทยอยขายโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เพื่อให้บริษัทสามารถมีมูลค่ายอดขายรอโอนเพิ่มขึ้น และสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทในอนาคต
ด้านงบซื้อที่ดินในปี 59 บริษัทตั้งไว้ที่ 5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่ใช้ไป 4.15 พันล้านบาท โดยเน้นการซื้อที่ดินติดแนวรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯและปริมณฑล
ทั้งนี้ ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 59 มองว่าน่าจะเห็นการฟื้นตัวจากการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ เนื่องจากบริษัทเน้นเปิดโครงการติดแนวรถไฟฟ้า ทำให้ไม่ได้รัผลกระทบทางเศรษฐกิจมากนัก เห็นได้จากที่ผ่านมาโครงการที่อยู่ติดแนวรถไฟฟ้า 0-300 เมตรนั้นยอดขายไม่ได้ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่กลุ่มที่ได้รับผลกระทบคือโครงการที่อยู่ห่างรถไฟฟ้ามากกว่า 1,000 เมตรขึ้นไป
ขณะที่ยอดปฎิเสธสินเชื่อในปีหน้าคาดว่าจะมีแนวโน้มลดลง หลังจากยอดปฏิเสธสินเชื่อในไตรมาส 3/58 ลดลงมาอยู่ที่ 7.5% จากไตรมาส 2/58 ที่ 13.9% โดยบริษัทมีการทำการ Pre-Approve ลูกค้าก่อนการยื่นสินเชื่อกับสถาบันการเงิน
นายมิลลาร์ กล่าวถึงผลประกอบการในปีนี้ว่า บริษัทมั่นใจว่ายอดขายพรีเซลทั้งปี 58 จะทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.25-2.35 หมื่นล้านบาท เนื่องจากยอดขายพรีเซล 11 เดือนทำได้แล้ว 2.5 หมื่นล้านบาท