นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับตัวลงกัน ตามดาวโจนส์ที่ปรับตัวลงเมื่อคืนที่ผ่านมา นอกจากนี้ราคาน้ำมันก็ยังปรับตัวลงด้วย ทำให้อาจไปกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน
ส่วนกลุ่มสื่อสารก็คงจะยังกดดันตลาดฯอยู่ เนื่องจากการประมูล 4G คลื่น 900 MHz ยังไม่ยุติ ซึ่งก็ต้องติดตามดูต่อไป ว่าใครจะได้ไลเซ่นต์ไป ด้วยราคาประมูลเท่าไร และจะเป็นรายใหม่หรือรายเก่าที่ได้ไป
พร้อมให้แนวรับ 1,300-1,288 จุด ส่วนแนวต้าน 1,320-1,325 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(17 ธ.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,495.84 จุด ร่วงลง 253.25 จุด(-1.43%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,002.55 จุด ลดลง 68.58 จุด(-1.35%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,041.89 จุด ลดลง 31.18 จุด(-1.50%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ ลดลง 33.10 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดลดลง 17.64 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดลดลง 47.26 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดลดลง 28.74 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดลดลง 4.75 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดลดลง 215.50 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดลดลง 5.06 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(17 ธ.ค.58) 1,310.34 จุด เพิ่มขึ้น 11.22 จุด(+0.86%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,397.20 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.58
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(17 ธ.ค.58) ปิดที่ 34.95 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 57 เซนต์ หรือ 1.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(17 ธ.ค.58)ที่ 9.05 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 36.17/19 แนวโน้มอ่อนค่าขานรับเฟดขึ้นดบ. มองกรอบ 36.10-36.25
- การประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ วันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา รอบที่ 144 ซึ่งเป็นรอบก่อนช่วงพักการประมูลในเวลา 21.00 น. ราคารวมอยู่ที่ 119,108 ล้านบาท แบ่งเป็นล็อต ที่ 1 ราคา 58,266 ล้านบาท คิดเป็น 363% ของมูลค่าคลื่นความถี่ และล็อตที่ 2 ราคา 60,842 ล้านบาท คิดเป็น 378% ของมูลค่าคลื่นความถี่
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในงานสัมมนา "ไทย-จีน บิซิเนส ฟอรั่ม 2015" ซึ่งมีนายหวางหย่ง มนตรีแห่งรัฐ สาธารณรัฐประชาชนจีน คณะผู้บริหารระดับสูงและนักธุรกิจจีนทั้งบริษัทขนาดใหญ่และเอสเอ็มอี จาก 60 บริษัท เข้าร่วมงานกว่า 180 คน ว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นไม่ใช่เป้าหมายสำคัญของรัฐบาล แต่คือการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างจริงจัง ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ
- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากเดิมที่ 0-0.25% เป็น 0.25-0.50% โดย เจเน็ต เยลเลน ผู้ว่าการเฟด ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังฟื้นตัวเป็นสาเหตุให้เฟดตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ย อีกทั้งอัตราการว่างงานที่ลดลงอาจทำให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 2% ตามเป้า และตั้งเป้าอัตราดอกเบี้ยปี 2559 จะอยู่ที่ 1.375%
- ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศแผนดำเนินงานปี 59 เน้น สร้างคุณภาพ บจ. ทุ่มทุน 500 ล้านบาท เพิ่มช่องทางช่วยเหลือด้านเงินทุนในรูปแบบ Private Equity ขยายธุรกิจให้ SMEs ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาด พร้อมตั้งเป้ามูลค่าหุ้น IPO ไว้ที่ 270,000 ล้านบาท
- กลุ่มกิจการร่วมค้า JVCC ยื่นหนังสืออุทธรณ์ร้องขอความเป็นธรรมรมว.คมนาคม หลังขสมก.ล้มประมูลจัดซื้อรถเมล์ NGV 489 คัน ซึ่งบริษัทชนะประมูลมาด้วยความโปร่งใส และการยกเลิกในครั้งนี้เปรียบเสมือน ฉีกสัญญาคุณธรรม ซึ่งถือเป็นโครงการนำร่องของรัฐบาลชุดนี้ ระบุสร้างความเสียหายให้บริษัทฯอย่างร้ายแรง-ปิดโอกาสประชาชนเข้าถึงการให้บริการรถเมล์สาธารณะที่มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
*หุ้นเด่นวันนี้
- K (บมจ. คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ.)เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดย K ดำเนินธุรกิจให้บริการออกแบบและตกแต่งงานอย่างครบวงจร สำหรับงานตกแต่งภายในงานแสดงสินค้าและนิทรรศการ การตลาดทางเลือก และงานพิพิธภัณฑ์และสวนสนุก ทั้งนี้ K เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับกลุ่ม Kingsmen Creatives Ltd. ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำในธุรกิจออกแบบและผลิตงานสื่อสารการตลาดระดับโลกจากประเทศสิงคโปร์ ทำให้สามารถเชื่อมโยงเข้าสู่เครือข่ายลูกค้าในระดับสากลได้ K มีขอบเขตการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และมีบริษัทย่อยคือ บริษัท คิงส์เมนเมียนมาร์ จำกัด ที่รองรับงานในประเทศเมียนมาร์
- BJCHl(ซีไอเอ็มบี)"ซื้อ"เป้า 8.80 บาท คาด Backlog ทำจุดสูงสุดใน 1Q16 พร้อมประกาศผล High potential project มูลค่า 2,800 ล้านบาท โดยคาดว่ารายได้และกำไรของ BJCHI จะเติบโตเฉลี่ย 12.5% และ 13.3% ในปี FY16-18 ตามลำดับ โดยเป็นการเติบโตของ Backlog เฉลี่ยที่ 18.5% CAGR ในปี FY16-18 ส่วนฐานะทางการเงินพร้อมรองรับการเติบโตตามเป้าด้วยอัตราหนี้สินต่อทุนต่ำ 0.14 เท่า และอัตรากำไรขั้นต้นแข็งแกร่งจากอานิสงค์แนวโน้มราคาวัตถุดิบอ่อนตัว
- CBG(เออีซี)"ซื้อ"เป้า 46.50 บาท ปี 59-61 คาดกำไรโตเฉลี่ยปีละ 15.8% จาก 1) เพิ่มจุดขายให้ครอบคลุม 95% ของประเทศในปี 60 จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 85% 2) Focus Group ในตลาด CLMV และจีน 3) ควบคุมต้นทุน และลด Defect จากการผลิตขวดแก้วสีชา และ 4) การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่(คาดเริ่มผลิต 1H59) + Upside 35.8%
- SPALI(เออีซี)"ซื้อ"เป้า 21.65 บาท ช่วง 4Q58 คาดเป็นช่วงที่กำไรดีที่สุดของปีปนี้ จาก Backlog กลุ่มคอนโดรอโอนแล้ว 100% ในช่วง 4Q58–59 อีกทั้งยังได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ของภาครัฐ โดยแม้ปี 58-59 คาดกำไรโตปีละ 2-3% แต่ปัจจุบันเทรดที่ PER ต่ำที่ 6.7x และยังมี Upside 18% + คาดให้ Div. yield ปีละ 5.6%