ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสในการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ที่น่าสนใจ ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ระหว่างการเตรียมการเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าขนาด 7 เมกะวัตต์เพื่อต่อยอดในธุรกิจที่มีอยู่เดิม โดยที่ผ่านมามีอุปสรรคทำให้ล่าช้าแต่ก็ได้แก้ไข และคาดว่าจะทำการควบรวมแล้วเสร็จได้ในช่วงไตรมาสแรกปี 2559 โดยบริษัทมั่นใจว่ามีศักภาพในการลงทุนด้านพลังงานและอื่นๆต่อปีราว 1,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนในประเทศเป็นหลัก โดยเตรียมเข้ายื่นประมูลโครงการโรงไฟฟ้าไบโอแมสจำนวน 10 เมกะวัตต์ และโครงการผลิตไฟฟ้าจากหญ้าเนเปียร์ ขนาด 20 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่ารัฐบาลน่าจะเปิดประมูลรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนได้อย่างเร็วที่สุดในช่วงปลายไตรมาสแรกของปีหน้า ซึ่งจะส่งผลทำให้รายได้และกำไรสุทธิของบริษัทเติบโตได้ตามเป้าหมายในอนาคต
ทางด้านธุรกิจ Trading มีการปรับกลยุทธ์การขยายตลาดในธุรกิจดังกล่าวเพื่อต่อยอดธุรกิจ หลังจากการควบรวมกิจการ UAPC โดยในปี 2559 บริษัทฯได้มุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้า โดยที่บริษัทฯ เตรียมแผนจะขยายธุรกิจ Trading ไปยังกัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม หรือกลุ่มประเทศ CLMV เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่
"การดำเนินธุรกิจให้ยั่งยืน ควรมองหาโอกาสและตลาดใหม่ๆ ทั้งนี้ ตลาดดังกล่าวเป็นตลาดที่กำลังพัฒนาและมีความพร้อมในหลายด้าน อาทิ ด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม รวมทั้งโอกาสทางการค้าและการลงทุนที่ยังเปิดกว้าง อีกทั้งแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจก็อยู่ในระดับดี มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และยังเป็นแหล่งที่นักลงทุนให้ความสนใจ โดยเบื้องต้นบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนที่จะไปประเทศเมียนมาก่อน คาดว่าจะเริ่มขยายไปช่วงไตรมาส1ของปี 2559 พร้อมกันนี้ได้ทำการศึกษาการลงทุนและพัฒนาโอกาสการลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานชีวภาพและชีวมวลในกลุ่ม CLMV เช่นเดียวกัน และคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปี 2559"