ทั้งนี้ มองผู้ประกอบการรายใหญ่คงยังไม่ได้รับผลกระทบมากนักหากราคาขยับขึ้นไปสูงถึง 80,000 ล้านบาท/ใบ เชื่อว่ายังมีความสบายใจอยู่ อีกทั้งยังสามารถเคาะราคเพิ่มขึ้นไปได้อีก แต่ผู้ประกอบการรายเล็ก หากราคาสูงไปมากกว่านั้นจะเกิดผลกระทบกับต้นทุนการดำเนินงานค่อนข้างมาก
"อยู่ที่ว่ารายเล็กจะวิ่งไปได้แค่ไหน แต่เชื่อว่าระดับราคาอาจจะไปถึง 80,000 ล้านบาทต่อใบสำหรับรายใหญ่ ให้จับตาดูที่ระดับราคา 75,000 ล้านบาทต่อใบ คาดว่ารายใหญ่จะทดลองไม่เสนอราคา เพื่อดูว่ารายอื่นยังอยู่หรือไม่ ถ้ายังมีการสู้ราคาต่อการประมูลก็คงดำเนินต่อไป"นพ.ประวิทย์ กล่าว
ส่วนกรณีที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าหากรายใหญ่สองรายยังชนะการประมูลเช่นเดิมอาจทำให้เกิดการผูกขาดในตลาดนั้น นพ.ประวิทย์ กล่าวว่า กสทช.คงจะต้องมีการออกกฎเกณฑ์เพิ่มเติม และภายในช่วง 3 ปีข้างหน้าก็จะต้องเปิดประมูลคลื่นความถี่ที่เหลืออยู่เพื่อเปิดโอกาสให้กับผู้เล่นรายใหม่เข้ามา