CLSA มองปี 59 ดัชนี SET ในกรอบ 1,500-1,550 จุด เชื่อมาตรการรัฐหนุนบรรยากาศลงทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 18, 2015 19:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บล. ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมปรับลดราคาเป้าหมายหุ้นกลุ่มสื่อสารลง เช่น ADVANC และ DTAC หลังการประมูล 4G คลื่น 900 MHz 2 ใบอนุญาตทะลุแสนล้าน ซึ่งประเมินว่าแพงที่สุดในโลก โดยนักลงทุนสถาบันต่างชาติช่วงนี้อยู่ระหว่างการประเมินการแข่งขันของ 4G ทำให้ชะลอการลงทุนหุ้นในกลุ่มสื่อสารออกไป อย่างไรก็ตามหากการประมูลสิ้นสุดลงสถาบันต่างชาติจะกลับมาลงทุนในหุ้นสื่อสารต่อ เนื่องจากมีผลประกอบการที่ดี
"ตอนนี้ต่างชาติรอดูการประมูล 4G แต่ยอมรับการแข่งขันดุเดือดกว่าที่ประเมินไว้ แต่โดยพื้นฐานแล้วผลประกอบการของหุ้นกลุ่มสื่อสารถือว่าแข็งแกร่ง โดยเฉพาะ ADVANC INTUCH ในระยะสั้น Outperform เพราะที่ผ่านมาราคาหุ้นก็ร่วงลงมาเยอะจาก 300 บาท ตอนนี้เหลือ 200 บาท ส่วนระยะยาว TRUE ก็น่าสนใจเพราะมีใบอนุญาตในมืออยู่แล้ว แต่คนที่น่าห่วงคือ DTAC ซึ่งถ้าพลาดการประมูลครั้งนี้จะส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง ในส่วนของ JAS คงจะสู้เต็มที่ เพราะสามารถหาพันธมิตรเข้ามาเพิ่มเติมได้" นายปริญทร์ กล่าว

สำหรับปีนี้ประเมินแนวโน้มดัชนีไม่ต่ำกว่า 1,300 จุด เนื่องจากหากการประมูลคลื่นความถี่ 900MHz เสร็จสิ้น จะเริ่มมีแรงซื้อกลับในหุ้นกลุ่มสื่อสารมากขึ้น จากการประมาณการเบื้องต้นคาดว่าอย่างช้าที่สุดการประมูลคลื่นความถี่ 900MHz จะเสร็จสิ้นภายในวันจันทร์ที่ 21 ธ.ค.58

ส่วนแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1,500-1,550 จุด โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก หุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ 3 กลุ่ม ได้แก่ หุ้นกลุ่มพลังงานได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันที่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยประเมินราคาน้ำมันดิบตลาดโลกไว้ที่ 47-48 ดอลลาร์/บาร์เรล จึงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ รวมถึงหุ้นกลุ่มสื่อสาร ที่เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะฟื้นตัวขึ้น หลังจากการประมูล คลื่นความถี่ 900MHzเสร็จสิ้นพร้อมใช้งาน จึงทำให้ความเชื่อมันของนักลงทุนกลับมาลงทุนมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และ หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่มองว่าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)จะปรับตัวดีขึ้น จากการบริหารจัดการของธนาคาร จึงอาจมีเม็ดเงินจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ มีการลงทุนเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังคาดว่านโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ โดยเฉพาะเมกะโปรเจ็คต์จะช่วยให้มีการลงทุนของภาคเอกชนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวตามไปด้วยเช่นกัน

ขณะที่ภาพรวมของเศรษฐกิจปีหน้า นายปริญญ์ มองว่ายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงโดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่อาจต้องใช้มาตรการทางการคลังและเงินมาช่วยหนุนเพื่อไม่ให้ GDP ลดต่ำกว่า 6.5% รวมถึงการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพื่อควบคุมเงินไหลออกนอกประเทศ ซึ่งจากนโยบายเหล่านี้อาจส่งผลให้ค่าเงินหยวนอ่อนตัวได้อีก 3-5% เมื่อเที่ยบกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเศรษฐกิจไทยมองว่าหากการลงทุนภาครัฐเกิดขึ้นได้ก็จะส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนกลับมา ประกอบกับต่างชาติรอดูตัวเลขเศรษฐกิจหลายๆด้านว่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่ โดยคาดว่าเม็ดเงินจะไหลกลับมาในเดือน มี.ค.อย่างชัดเจน


แท็ก ADVANC   DTAC   SET  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ