ทั้งนี้ กสทช.วิเคราะห์ว่าในปัจจุบันผู้ให้บริการแต่ละค่ายต้องการคลื่นความถี่อย่างน้อย 60 MHz เพื่อเผชิญกับการแข่งขันการให้บริการใช้งาน DATA ของผู้บริโภคในประเทศ โดยวงการโทรคมนาคมไทยมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงจากเทคโนโลยี 4G LTE ไปเป็น LTE Advanced ภายในอีก 3-5 ปีข้างหน้าเพื่อรองรับการใช้งาน DATA ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และหาภายใน 5 ปีข้างหน้า กสทช.ไม่มีการจัดสรรคลื่นความถี่ออกมาประมูลเพิ่มเติม ก็จะเกิดวิกฤตในด้านคุณภาพให้บริการอย่างหนัก จึงทำให้ผู้ให้บริการต้องการมีคลื่นความถี่ไว้ในมือให้ได้มากที่สุด
นอกจากนี้ตาม Roadmap ของการเข้าสู่ยุค 5G มีแผนในการเปลี่ยนผ่านในการให้บริการเชิงพาณิชย์ในปี 2020 และจะทำให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่มีความต้องการคลื่นความถี่ในการให้บริการข้อมูลในระดับความเร็วสูงกว่า 1 กิกะบิทต่อวินาที (Gbps) จึงต้องการความถี่ต่อ 1 ผู้ให้บริการ สูงกว่า 70 MHz จึงต้องช่วงชิงคลื่นความถี่ให้ได้ในครั้งนี้
พร้อมทั้งผู้ให้บริการบางรายจะหมดสัญญาสัมปทานในคลื่นความถี่ที่สำคัญในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จึงทำให้หากพลาดโอกาสครั้งนี้ อาจจะทำให้สูญเสียความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว เพราะภายใน 3-4 ปีนี้ กสทช.ยังไม่มีแผนการจัดสรรคลื่นความถี่ Mobile Broadband เนื่องจากคลื่นความถี่ส่วนใหญ่ ยังติดอยู่ในสัญญาสัมปทาน