นางสมหะทัย พานิชชีวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อมตะ วีเอ็น (AMATAV) กล่าวว่า บริษัทเตรียมเงินลงทุนราว
7.4 พันล้านบาทในปี 59 เพื่อใช้พัฒนาพื้นที่ในโครงการอมตะ ซิตี้ ลองถั่น ในเวียดนาม เพื่อเตรียมรองรับการเปิดขายพื้นที่ในปี 60
ขณะที่ยังได้พิจารณาพันธมิตรเพื่อเข้าร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าวเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในอนาคตด้วย โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการ
พิจารณารูปแบบการเข้าร่วมลงทุนว่าจะเป็นการเข้าถือหุ้นใน AMATAV หรือการเข้าร่วมลงทุนเฉพาะในโครงการ
"กำลังมองอย่างนี้ว่าคุยกันอยู่ว่าจะเข้าที่ตัว project company เลย หรือบริษัทแม่ดีคือ AMATAV หรือไปที่ตัวบริษัท อม
ตะซิตี้ ลองถั่น อันนี้ต้องมาดูกันอีกที...เป็นพันธมิตรต่างชาติไม่ไช่เวียดนาม"นางสมหะทัย กล่าว
นางสมหะทัย กล่าวว่า สำหรับเงินลงทุนในปีหน้าจะอยู่ที่ 7.4 พันล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนในโครงการอมตะ ซิตี้ ลองถั่น
โดยจะมาจากเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) ราว 1,250 ล้านบาท และเงินกู้ราว 3 พันล้านบาท
รวมถึงยังมีเงินทุนเดิมที่มีอยู่แล้วอีกจำนวนหนึ่ง โดยเงินลงทุนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของเงินลงทุนทั้งหมด 2.3 หมื่นล้านบาท เพื่อพีฒนา
โครงการดังกล่าวในช่วง 10 ปีข้างหน้า แบ่งเป็นเงินลงทุนราว 40% ในอมตะ ซิตี้ ลองถั่น ซึ่งเป็นการพัฒนาพื้นที่สวนอุตสาหกรรม
ไฮเทค และเงินลงทุนราว 60% ในอมตะ ทาวน์ชิพ ลองถั่น ซึ่งเป็นการพัฒนาพื้นที่พาณิชยกรรมและที่อยู่อาศัย
โดยการพัฒนาจะเริ่มที่อมตะ ซิตี้ ลองถั่น ก่อนหลังจากได้รับใบอนุมัติจากรัฐบาลเวียดนามแล้ว ส่วนพื้นที่พาณิชยกรรมและที่
อยู่อาศัย ที่มีอยู่ 2 พื้นที่ คาดว่าจะได้รับการอนุมัติในปลายปีนี้ และในช่วงเดือนเม.ย.59 ขณะที่คาดว่าโครงการทั้งหมดนี้จะสามารถ
สร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ราว 80% ของเงินลงทุนที่ทั้งหมดในช่วง 10 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ โครงการอมตะ ซิตี้ ลองถั่น เป็นการพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมของ AMATAV แห่งที่ 2 ใน
เวียดนาม โดยโครงการนี้จะครอบคลุมพื้นที่ 1,285 เฮกตาร์ หรือราว 8,031.25 ไร่ ได้แก่ โครงการสวนอุตสาหกรรมไฮเทค
ครอบคลุมพื้นที่ 410 เฮกตาร์ หรือ 2,562.5 ไร่ ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในส่วนโครงสร้างพื้นฐานช่วงกลางปี 59
สำหรับโครงการแรกของ AMATAV คือ นิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ เบียนหัว ซึ่งปัจจุบันมีทั้งสิ้น 145 โรงงานจากนักลง
ทุน 21 ประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีพื้นที่เชิงอุตสาหกรรมที่จะเปิดให้เช่าได้หมดภายใน 4 ปีหรือในปี 62 ขณะที่พื้นที่เชิงพาณิชย์คาดว่าจะหมด
ภายใน 6 ปีหรือปี 64 โดยการพัฒนาพื้นที่โครงการทั้งสองแห่ง ตั้งอ.ในจ.ดองไนทางตอนใต้ของเวียดนาม
นางสมหะทัย กล่าวอีกว่า สำหรับการพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมแห่งที่ 3 ภายใต้ชื่อ อมตะซิตี้ ฮาลอง ตั้งอยู่ในจ.กว๋าน
นิง ทางตอนเหนือของเวียดนาม คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วง 2 ปีข้างหน้าหลังการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกทางตอนเหนือของ
เวียดนามจะแล้วเสร็จในเดือนพ.ย.60 จะเป็นสิ่งจูงใจให้เกิดการลงทุนมากขึ้น ซึ่งอมตะซิตี่ ฮาลองก็จะเริ่มต้นพัฒนาไปพร้อมกันๆหลัง
จากนั้น เพื่อรองรับนักลงทุนที่อาจจะมองหาการลงทุนใหม่หลังแนวโน้มการลงทุนในจีนจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น
โครงการอมตะ ซิตี้ ฮาลอง มีพื้นที่ครอบคลุมกว่า 5,789 เฮกตาร์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ
เพื่อพัฒนาโครงการสวนอุตสาหกรรมไฮเทค ดึงดูดเทคโนโลยีอัตโนมัติ เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีการสื่อสารและโครงการไฮเทค
ต่างๆ โดยเฉพาะในภาคอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) ซึ่งคาดว่าโครงการนี้จะสามารถทำรายได้ได้
กว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ/ปีในอนาคต
"เชื่อมั่นว่าในอนาคตข้างหน้าจากปีนี้เป็นต้นไป AMATAV จะเติบโตอย่างน้อย 3-4 เท่า จากที่ดินที่มีมากกว่าเดิมเกือบ
10 เท่า และเชื่อว่าบรรยากาศการลงุทนโดยการนำของรัฐบาลเวียดนาม ทั้งเรื่องงบประมาณต่างๆที่เข้ามาจะผลักดันให้เวียดนาม
เป็นฐานรองรับอุตสาหกรรมสำหรับ AEC ได้มากกว่าเดิม"นางสมหะทัย กล่าว
นางสมหะทัย กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 30-40% โดยในปีนี้รายได้จะเติบโตได้ 40% จาก
ปีที่แล้ว และจะเพิ่มขึ้นอีก 40% ในปีหน้าจากการขายพื้นที่พาณิชยกรรมในอมตะ ซิตี้ เบียนหัว ซึ่งจะมีราคาแพงกว่าพื้นที่อุตสาหกรรม
ราว 4-5 เท่า ขณะที่ในปีถัดไปก็จะมีการเติบโตจากการเปิดขายพื้นที่โครงการอมตะ ซิตี้ ลองถั่น