การทำธุรกิจ 4G จะดำเนินการทุกอย่างภายใต้บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด และจะไม่มีผลกระทบต่อสถานะการเงินของบริษัท ขณะที่บริษัทมีแหล่งเงินทุนที่หลากหลาย โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนพัฒนาโครงข่าย 4G ราว 2 หมื่นล้านบาทภายใน 3 ปี และตั้งเป้าลูกค้าในปีแรกไว้ที่ 2 ล้านราย และจากนั้นจะเพิ่มเป็น 5 ล้านรายภายใน 3 ปี
นายพิชญ์ แถลงว่า การชนะประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz เป็นจุดเปลี่ยนของกลุ่มจัสมิน โดยบริษัทจะให้บริการทั้ง Fixed Broadband และ Mobile Broadband และยังมี wi-fi กว่า 1 แสนจุด จะทำให้การให้บริการมีประสิทธิภาพอย่างมาก มั่นใจว่าจะเริ่มเปิดให้บริการ 4G ได้ในไม่กี่เดือนนี้ข้างหน้า
"ก้าวนี้เป็นก้าวที่สำคัญของกลุ่ม JAS ที่เราประมูลได้คลื่น 900 MHz. เป็น Step ที่สำคัญมาก เราทำธุรกิจบรอดแบนด์มาหลายปีแล้ว 3BB มี Market share เป็นอันดับ 2 มาวันนี้เราได้ Mobile เข้ามาจะเติมเต็มธุรกิจ เราเตรียมคนรองรับมือถือ 4G ซึ่งมีจำนวนกว่า 6พันคน และมีช็อปกว่า 300 แห่งทั้วประเทศ ถ้าจะเพิ่มคนเป็นหลักร้อยและขยายช้อปก็ไม่ต้องขยายมาก"นายพิชญ์ กล่าว
การเลือกประมูลคลื่น 900 MHz เพราะมีต้นทุนลงทุนต่ำกว่าคลื่น 1800MHz และเงื่อนไขการขำระเงินของ กสทช.ก็เอื้อต่อการผูให้บริการรายใหม่ โดยจ่ายเงินค่าประมูลที่ปีแรก 8 พันล้านบาท ปีที่ 2 และ 3 จ่ายเท่ากันที่ 4 พันล้านบาท ที่เหลือจ่ายในปีที่ 4
ธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จะอยู่ภายใต้การบริหาร บริษัท แจสโมบาย จำกัด ซึ่งประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz ด้วยราคา 75,654 ล้านบาท มีแผนจะขยายโครงข่ายคาดใช้เงินลงทุนกว่า 2 หมื่นล้านบาท ภายใน 3 ปี ขณะเดียวกันจะขอเข่าใช้จาก บมจ.ทีโอที และ บมจ.กสทโทรคมนาคมควบคู่ไปด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจา
สำหรับเงินลงทุน นายพิชญ์กล่าวว่า JAS ไม่มีการเพิ่มทุนแน่นอน เพราะสามารถระดมทุนได้จากหลายทาง โดยปัจจุบันมีเงินสดเหลือจากการขายกองทุนโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) จำนวน 1 หมื่นล้านบาท และยังมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 5,000 ล้านบาท/ปี รวมทั้งมีใบสำคัญแสดงสิทธิ อายุ 5 ปีหากมีการใช้สิทธิทั้งหมดจะมีเงินทุนเข้ามาราว 4-5 พันล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทได้เจรจากับธนารคารรายใหญ่ไว้เพื่อให้การสนับนุนธุรกิจของบริษัทย่อย ซึ่งยังมีธนาคารแห่งอื่น รวมทั้งธนาคารต่างประเทศยื่นข้อเสนอด้วย อีกทั้งส่วนหนึ่งยังใช้ประโยชน์จาก Suppier Credit ด้วย
นายพิชญ์ ยังกล่าวว่า บริษัทได้เจรจาพันธมิตรต่างชาติที่อยู่ในโซนเอเชียมากว่า 2 รายเพื่อจะเข้าร่วมทุนในแจสโมบายฯ แต่ JAS ยังจะคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ทั้งนี้การมีพันธมิตรใหม่เข้ามาจะช่วยทั้งในด้านเงินทุนและเทคโนโลยี แต่ยังสามารถระบุได้ว่าจะได้ข้อสรุปเมื่อใด อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่มีแผนเจรจาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับกลุ่มมือถือรายเดิมทั้ง บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส(ADVANC) และบมจ.โทเทิ่ล แอ็สเซ็ส คอมมูนิเคชั่น(DTAC)ซึ่งแพ้ประมูลคลื่น 900 MHz
ขณะที่บริษัทมีแผนนำหุ้นของบริษัท แจสโมบายฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 3 ปีเพื่อระดมทุนการลงทุนโทรศัพท์มือถือ4G อีกทางด้วย ขณะที่วางเป้าหมายจะมีลูกค้าในปีแรกหรือปี 59 จำนวน 2 ล้านราย จากนั้นใน 3 ปีจะมีลูกค้าเพิ่มเป็นอย่างน้อย 5 ล้านราย ซึ่งจะทำให้ในปี 61 เพื่อทำให้แจสโมบายฯ มีกำไร และคาดหวังจะได้ส่วนแบ่งตลาดราว 10% ภายในปีที่ 3 จากปัจจุบันตลาดรวมที่มีมูลค่า 3 แสนล้านบาท
"เราเตรียมใจไว้แล้วว่าต้องสูง(ราคาประมูล)แน่นอน เราเป็นรายใหม่ รีเสริชทุกคนบอกไม่ให้ JAS เข้ามา แต่มุมมองผู้บริโภคอยากได้ JAS แต่ 3 รายไม่ต้องการให้เข้ามา ราคาจึงสูง เพราะคลื่น 900 ดีที่สุด... เราประเมินว่าเอไอเอสได้ แต่พอไม่ได้เราก็ shock ไม่คิดว่าเป็น TRUE"นายพิชญ์ กล่าว
สำหรับธุรกิจบรอดแบนด์ภายใต้บริการ 3BB ในปี 59 คาดว่าจะมีลูกค้าเพิ่มอีก 20% จากปีนี้ที่คาดไว้กว่า 2 ล้านราย และมีเงินลงทุนไม่เกิน 5พันล้านบาท