อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจไม่ประมูลคลื่น 900 MHz ต่อนั้น จะทำให้บริษัทยังคงมีความแข็งแกร่งด้านการเงินและมีกำลังในการพัฒนาคุณภาพพร้อมกับการดูแลลูกค้าอย่างไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนโครงข่าย 4G, การขยายโครงข่าย 3G ต่อเนื่อง, การขยายเอไอเอส ไฟเบอร์ รวมไปถึงการมอบสิทธิพิเศษต่างๆ การพัฒนางานด้านบริการลูกค้า การสร้างสรรค์บริการด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ และบริการที่สอดคล้องกับยุคดิจิทัล อันจะเป็นการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจด้วยอีกทางหนึ่งอย่างชัดเจน
"วันนี้แม้ AWN จะตัดสินใจไม่ประมูลคลื่น 900 MHz ต่อ ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น เราก็ยังคงมีทรัพยากรความถี่ ที่เพียงพอในการให้พัฒนาเครือข่ายให้มีคุณภาพ ประกอบด้วย ความถี่ย่าน 2100MHz จำนวน 15MHz ซึ่งปัจจุบันสามารถให้บริการ 3G ได้ทั่วประเทศ มีโครงข่ายครอบคลุมกว่า 98% ของประชากรทั้งหมด โดยยังมีอายุการใช้งานไปอีก 12 ปี รวมถึงการได้มาซึ่งคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz จำนวน 15MHz เมื่อเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซึ่งจะเปิดให้บริการ 4G ภายในเดือนมกราคม 2559 และมีอายุการใช้งาน 18 ปี อีกทั้งล่าสุดยังได้บรรลุข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ในการนำคลื่น 2100 MHz จำนวน 15 MHz เข้ามาร่วมให้บริการ ซึ่งแน่นอนว่านอกจากจะทำให้ทีโอทีแข็งแกร่งและมีรายได้อย่างต่อเนื่องแล้ว จะส่งผลทำให้คุณภาพเครือข่ายโดยรวมของเอไอเอสมีความเสถียรและตอบโจทย์การใช้งาน Mobile Internet ยุค 4G สำหรับผู้บริโภคอย่างแน่นอนเช่นกัน"นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด เป็นอันดับที่ 1 ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ได้อย่างแน่นอน เนื่องจากบริษัทมีเงินลงทุนอย่างเพียงพอ ที่จะสามารถลงทุนพัฒนาโครงข่าย 4G และขยายโครงข่าย 3G อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมนำงบที่ใช้ในการประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz ประมาณ 75,000 ล้านบาท กลับมาลงทุนในเรื่องของโครงข่ายเพิ่มเติม ทั้งระบบ 3G และ 4G ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนเสาสัญญาณแล้ว 25,000 เสา สามารถรองรับการใช้งานที่ครอบคลุมกว่า 98% ของประชากรทั้งหมด
นอกจากนี้เพื่อไม่ให้ลูกค้าได้รับกระทบจากผลการประมูลในครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินกลับมาดูแลลูกค้าทุกๆราย โดยบริษัทเตรียมออกแคมเปญ ค่าโทรและการแลกเครื่องเก่าจาก 2G เป็นเครื่องใหม่ 3G/4G ฟรี ในแบรนด์ SPER COMBO 3.5 ,SPER COMBO 4.0 และ SPER COMBO LAVA 4G มูลค่าสูงถึง 2,500 บาท ซึ่งจะเริ่มให้ลูกค้ามาอัพเกรดได้ในวันที่ 25 ธ.ค.58 ปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าอยู่ราว 38-39 ล้านราย แบ่งเป็น ลูกค้าในระบบ 2G จำนวน 1 ล้านราย และลูกค้า 3G แต่มีการใช้บนเครื่องมือถือของ 2G อีกจำนวน 10 ล้านราย ส่วนที่เหลือ 27-28 ล้านรายเป็นลูกค้า 3G บนคลื่น 2100 MHz
ส่วนการดูแลลูกค้าระบบ 2G บริษัทจะมีการส่งข้อความไปยังลูกค้า เพื่อแจ้งให้ทราบถึงการสิ้นสุดของการให้บริการดังกล่าว หรือก่อนที่ซิมจะดับลง ขณะเดียวกันที่ผ่านมาบริษัทก็ได้ทำหนังสือยื่นต่อคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อให้ขยายมาตรการเยียวยาของลูกค้า 2G ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของกสทช.
"การลงทุนที่แท้จริงถือว่าเป็นหัวใจสำคัญมาก พร้อมกับการให้บริการที่ดี โดยเรายังมีความมั่นใจและยืนยันที่จะยังคงเป็นเบอร์ 1 ซึ่งการไม่ได้คลื่นความถี่ 900 MHz ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรค ขณะที่เราก็ยังมีคลื่นอยู่ในมือไม่น้อย และเรายังมีกลยุทธ์ที่จะพัฒนาคลื่นที่มีอยู่ ทั้ง 2100 MHz ,2100 MHz ของบมจ.ทีโอที และ 1800 MHz"นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การแข่งขันของอุตสาหกรรม ที่มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาด ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และยังมองคู่แข่งเป็นกัลยาณมิตรที่ดีอีกด้วย โดยการเพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการในตลาดก็น่าจะสร้างสีสันมากขึ้น แต่บริษัทยังไม่มีแผนที่จะเป็นพันธมิตรร่วมกันกับบริษัท แจส โมบาย จำกัด ซึ่งเป็นผู้เล่นรายใหม่ในตลาด
ทั้งนี้ หากในอีก 3 ปีข้างหน้า กสทช. จะมีการเปิดประมูลคลื่นความถี่ บริษัทก็พร้อมที่จะเข้าไปร่วมด้วย เนื่องจากมองว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจที่เหมาะสม โดยเชื่อว่า กสทช. จะสามารถจัดการการประมูลได้อย่างดี รวมทั้งพิจารณาถึงความรอบคอบ ผลประโยชน์ ที่จะเกิดขึ้นต่อผู้บริโภคเป็นหลัก ขณะเดียวกัน กสทช. คงต้องมีกติกาที่เท่าเทียมกันสำหรับโอเปอเรเตอร์ ที่จะมีการเข้าร่วมประมูล
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 59 ขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดแผนกลยุทธ์ คาดว่าจะประกาศได้ในช่วงต้นปีหน้า หรือราวต้นเดือนม.ค.59 ซึ่งจะรวมไปถึงแผนการลงทุนโครงข่าย การตลาด และการเติบโตของบริษัท แต่อย่างไรก็ตามปี 58 บริษัทยังคงนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 100% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม