(เพิ่มเติม) TAE คาดกำลังผลิตเอทานอลรวม 140 ล้านลิตร/ปีในปี 61 หลังรง.ร่วมทุนเดินเครื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 23, 2015 17:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ไทย อะโกร เอ็นเนอร์ยี่ (TAE) บริษัทจะเข้าลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมศึกษาโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตเอทานอล กาลังผลิต 200,000 ลิตรต่อวัน กับบริษัท กำแพงเพชร ไบโอ เอทานอล จากัด (KBE) ในวันพุธที่ 23 ธันวาคม 2558

ทั้งนี้ ขอบเขตของบันทึกความเข้าใจระหว่าง TAE และ KBE ดังนี้ KBE เป็นบริษัทย่อยของกลุ่มบริษัท แสงฟ้า กรุ๊ป ผู้นำในการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตร อาทิ อุตสาหกรรมโรงสีข้าว ลานมันสำปะหลัง มันเส้น คลังสินค้า และโรงไฟฟ้าชีวมวล ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนรวมประมาณ 1,200 ล้านบาท โดย KBE ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) ผลิตเอทานอล มีที่ดินกว่า 500 ไร่ที่เหมาะสมแก่การสร้างโรงงาน พร้อมทั้งมีคลังเก็บมันเส้นตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ทั้งสองฝ่ายจึงร่วมมือกันเพื่อศึกษาการลงทุนในโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตเอทานอลที่มีกำลังผลิต 200,000 ลิตรต่อวัน

นายสมชาย โล่ห์วิสุทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TAE เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ลงนามบันทึกความความร่วมมือ(MOU) กับบริษัท กำแพงเพชร ไบโอ เอทานอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัท แสงฟ้า กรุ๊ป เพื่อศึกษาการจัดตั้งโรงงานผลิตเอทานอล กำลังการผลิต 200,000 ลิตรต่อวัน ทั้งนี้เป็นการเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งระหว่าง 2 บริษัท และเป็นการต่อยอดทางธุรกิจร่วมกันในอนาคต

สำหรับที่มาของดีลนี้เกิดขึ้นเนื่องจากก่อนหน้านี้ บริษัท ไทย อะโกร เอ็นเนอร์ยี่ฯ เคยติดต่อซื้อมันเส้นกับบริษัทแสงฟ้า กรุ๊ป ในช่วงที่บริษัทฯ ทดสอบโรงงานแห่งที่ 2 ซึ่งใช้ มันเส้นเป็นวัตถุดิบ โดยโรงงานดังกล่าวตั้งอยู่ที่กำแพงเพชร มองว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสม ซึ่งในอนาคต จ.กำแพงเพชร จะเป็นคลังน้ำมันที่ใหญ่ ซึ่งกระทรวงพลังงานได้รับความเห็นชอบจากครม.อนุมัติให้มีการก่อสร้างท่อส่ง น้ำมันจากคลังน้ำมันบางปะอินไปทางภาคเหนือ ผ่านจังหวัดกำแพงเพชร ถึงจังหวัดเชียงใหม่และในอนาคตจะเป็นศูนย์คลังน้ำมันเพื่อกระจายน้ำมันไปภาค เหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนการตั้งโรงงานผลิตเอทานอลที่จังหวัดกำแพงเพชร ทำให้บริษัทน้ำมันสามารถผสมเอทานอลกับน้ำมันเบนซินเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ เพื่อจำหน่ายในภูมิภาคดังกล่าวได้ เป็นการลดต้นทุนขนส่งที่ซ้ำซ้อนให้กับบริษัทน้ำมันทั้งหลาย

“แนวทางการหาพันธมิตรของเรา คือ ต้องการร่วมทุนกับบริษัทที่มีใบอนุญาตหรือบริษัทที่อยู่ในระหว่างการก่อ สร้าง โดยก่อนหน้านี้ได้มีการเจรจากับบริษัท 2 ราย แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และในที่สุดเราก็พบพาร์ทเนอร์ ซึ่งมีศักยภาพดี มีตำแหน่งที่ตั้งของโรงงานเหมาะสม มีความพร้อมทางด้านวัตถุดิบ และสาธารณูปโภค ซึ่งภายหลังจากที่ได้มีการศึกษาข้อมูลมาระยะหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายจึงได้ตกลงนาม MOU หรือบันทึกความเข้าใจในการร่วมศึกษาการลงทุนร่วมกันในการก่อสร้างโรงงานผลิต เอทานอลที่กำลังการผลิต 200,000 ลิตรต่อวัน โดยใช้วัตถุดิบมันสำปะหลังและกากน้ำตาล และคาดว่าภายหลังการลงนามจะใช้เวลาในการศึกษาความเหมาะสมในการลงทุนประมาณ 3 เดือน ซึ่งจะได้ข้อสรุปการศึกษาได้ภายในไตรมาสแรกของปีหน้า และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างโรงงานภายในปี 59 หรือ 60 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 61 และจะทำให้กำลังการผลิตเอทานอลของบริษัทในปี 61 เพิ่มเป็น 140 ล้านลิตร/ปี ทั้งนี้บริษัทประเมินเงินลงทุนไว้ที่ 1.5 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการพูดคุยสัดส่วนการถือหุ้นกับพันธมิตร โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัท และเงินกู้สถาบันการเงิน ซึ่งบริษัทมีความสามารถในการกู้ยืมค่อนข้างมาก เนื่องจากมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำกว่า 1 เท่า" นายสมชาย กล่าว

ส่วนแผนการส่งออกเอทานอลไปยังประเทศฟิลิปปินส์ปัจจุบันบริษัทได้ชะลอแผนออกไปเป็นปี 60 จากเดิมที่คาดว่าจะเห็นความชัดเจนไนปี 59 เนื่องจากบริษัทมองว่าราคาขายเอทานอลในต่างประเทศยังอยู่ในระดับต่ำกว่าราคาขายในประเทศ เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับลดลง และเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว ทำให้ยังมีความเสี่ยงค่อนข้างมากในการขยายตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศ

นายสมชาย กล่าวว่า ในปี 59 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมที่ 2.7-2.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าอยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายเอทานอลในปีหน้าเพิ่มขึ้น 5% และแนวโน้มปริมาณการใช้เอทานอลในปี 59 คาดว่าจะเติบโต 3% จากปีนี้ที่ 3.8 ล้านลิตร/วัน นอกจากนี้ในปี 59 บริษัทจะมีการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 95% หรือมาอยู่ที่ 114 ล้านลิตร/ปี จากปีนี้ใช้กำลังการผลิต 90% หรืออยู่ที่ 103 ล้านลิตร/ปี ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นในปี 59

ขณะเดียวกันบริษัทจะพยายามรักษาระดับอัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีนิติบุคคล ค่าเสื่อม และค่าจัดจำหน่าย (EBITDA Margin) ให้อยู่ไม่ต่ำกว่า 16% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับปีนี้ โดยจะพยายามควบคุมต้นทุนการผลิตเอทานอลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในภาวะที่ราคาเอทานอลลดลงตามแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ซึ่งบริษัทประเมินราคาเอทานอลในปี 59 จะทรงตัวจากสิ้นปีนี่ที่คาดว่าอยู่ที่ 24 บาท/ลิตร

ส่วนงบลงทุนในปี 59 บริษัทตั้งไว้ 90 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการปรับปรุงโรงงานผลิตเอทานอลแห่งแรกของบริษัทที่อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตของบริษัทลงได้

สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิจะทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 5 ปี ที่เคยทำได้สูงสุดอยู่ที่ 220 ล้านบาท ซึ่งกำไรสุทธิใน 9 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 215.24 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนทั้งปีที่ 219.31 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้และยอดขายในปีนี้ แม้ว่าจะถูกกดดันจากราคาขายเอทานอลที่ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก แต่บริษัทมีการควบคุมต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ อย่างเช่น การมีโรงไฟฟ้าชีวภาพขนาด 3 MW ใชในโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลงได้ และส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 10% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 8.77%

"โรงไฟฟ้าชีวภาพเราที่มีอยู่ 3 MW เราเอาไฟไว้ใช้ในโรงงานเอง ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตเราได้บ้าง และเรายังมีความสามารถในการขยายกำลังการผลิตได้อีก 1-1.5 MW แต่เราต้องเอาส่วนเพิ่มนี้ขายเข้า FIT ซึ่งการลงทุนเราต้องนอภาครัฐจะประกาศรับซื้อไฟในพื้นที่ตรงนั้นเมื่อไหร่ก่อน แต่คงอีกนาน เพราะตอนนี้เขาโฟกัสโซลาร์ฟาร์มมากกว่า"นายสมชาย กล่าว

ด้านนายโกสินทร์ จงพัฒนสมบัติ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท แสงฟ้า ในฐานะกรรมการบริหาร บริษัท กำแพงเพชร ไบโอ เอทานอล เปิดเผยว่าความร่วมมือระหว่าง 2 บริษัท เกิดขึ้นจากความสนใจของบริษัทฯในธุรกิจเอทานอล ซึ่งจะมาช่วยเสริมศักยภาพและต่อยอดความแข็งแกร่งทางธุรกิจ

โดยบริษัทฯ มีความพร้อมของโรงงานและวัตถุดิบมันสำปะหลัง ขณะที่บริษัท ไทย อะโกร เอ็นเนอร์ยี่ฯ มีประสบการณ์ในการผลิตเอทานอล และมีฐานลูกค้าอยู่ในมือ ในขณะที่ กลุ่มบริษัทแสงฟ้า มีความเชี่ยวชาญด้านมันสำปะหลังและมันเส้น เป็นผู้ส่งออกมันสำปะหลังรายใหญ่ ของประเทศ สามารถผลิตและจัดหามันเส้น ไม่ต่ำกว่า 400,000 ตันต่อปี

ทั้งนี้โครงสร้างธุรกิจของบริษัทฯแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจการส่งออก ดำเนินกิจการส่งออกข้าว และมันสำปะหลัง 2. กลุ่มธุรกิจคลังสินค้า ดำเนินกิจการให้เช่าพื้นที่จัดเก็บสินค้าทางการเกษตร 3.กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตร ดำเนินกิจการโรงสีข้าวและลานมันสำปะหลัง ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่แหล่งเพาะปลูกข้าวและมันสำปะหลัง โดยรับซื้อวัตถุดิบจากเกษตรกรเพื่อแปรรูปส่งขายทั้งในและ ต่างประเทศ และ 4.กลุ่มธุรกิจพลังงานได้ดำเนินกิจการโรงไฟฟ้าชีวมวล ประเภท VSPP ผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อส่งขายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) โดยมีบริษัท กำแพงเพชรไบโอเพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยมีกำลังการผลิต 9.8 เมกะวัตต์ และบริษัท กำแพงเพชรไบโอเพาเวอร์ 2 จำกัด มีกำลังการผลิต 9.8 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีความพร้อมทางด้านธุรกิจเอทานอล โดยมีบริษัท กำแพงเพชร ไบโอ เอทานอล จำกัด เป็นบริษัทหนึ่งในเครือแสงฟ้า ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน(รง.4) ประเภทกิจการผลิตเอทานอลเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง กำลังการผลิต 200,000 ลิตรต่อวัน มีความพร้อมทางด้านวัตถุดิบ สามารถจัดหามันเส้นได้ไม่ต่ำกว่า 400,000 ตันต่อปี โดยมีลานมันขนาดใหญ่รองรับการแปรรูป 2,000 ตันต่อวัน ด้วยเครื่องมือและเครื่องจักรที่มีคุณภาพ ทางด้านที่ตั้งและขนาดที่ดินในการจัดตั้งโรงงานเอทานอล มีพื้นที่ก่อสร้างโรงงานกว่า 500 ไร่ ตั้งอยู่ที่ อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งไม่อยู่ในเขตควบคุมอาคาร โรงงาน มีโกดังสำหรับจัดเก็บมันเส้นจำนวน 2 หลัง ความจุรวมสูงสุด 800,000 ตัน ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง และมีความพร้อมทางด้านแหล่งน้ำเพื่อใช้ในการผลิต โดยมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่สามารถกักเก็บน้ำได้จำนวนมาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ