ทั้งนี้ ขอบเขตของบันทึกความเข้าใจระหว่าง TAE และ KBE ดังนี้ KBE เป็นบริษัทย่อยของกลุ่มบริษัท แสงฟ้า กรุ๊ป ผู้นำในการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตร อาทิ อุตสาหกรรมโรงสีข้าว ลานมันสำปะหลัง มันเส้น คลังสินค้า และโรงไฟฟ้าชีวมวล ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนรวมประมาณ 1,200 ล้านบาท โดย KBE ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) ผลิตเอทานอล มีที่ดินกว่า 500 ไร่ที่เหมาะสมแก่การสร้างโรงงาน พร้อมทั้งมีคลังเก็บมันเส้นตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ทั้งสองฝ่ายจึงร่วมมือกันเพื่อศึกษาการลงทุนในโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตเอทานอลที่มีกำลังผลิต 200,000 ลิตรต่อวัน
นายสมชาย โล่ห์วิสุทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TAE เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ลงนามบันทึกความความร่วมมือ(MOU) กับบริษัท กำแพงเพชร ไบโอ เอทานอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัท แสงฟ้า กรุ๊ป เพื่อศึกษาการจัดตั้งโรงงานผลิตเอทานอล กำลังการผลิต 200,000 ลิตรต่อวัน ทั้งนี้เป็นการเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งระหว่าง 2 บริษัท และเป็นการต่อยอดทางธุรกิจร่วมกันในอนาคต
สำหรับที่มาของดีลนี้เกิดขึ้นเนื่องจากก่อนหน้านี้ บริษัท ไทย อะโกร เอ็นเนอร์ยี่ฯ เคยติดต่อซื้อมันเส้นกับบริษัทแสงฟ้า กรุ๊ป ในช่วงที่บริษัทฯ ทดสอบโรงงานแห่งที่ 2 ซึ่งใช้ มันเส้นเป็นวัตถุดิบ โดยโรงงานดังกล่าวตั้งอยู่ที่กำแพงเพชร มองว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสม ซึ่งในอนาคต จ.กำแพงเพชร จะเป็นคลังน้ำมันที่ใหญ่ ซึ่งกระทรวงพลังงานได้รับความเห็นชอบจากครม.อนุมัติให้มีการก่อสร้างท่อส่ง น้ำมันจากคลังน้ำมันบางปะอินไปทางภาคเหนือ ผ่านจังหวัดกำแพงเพชร ถึงจังหวัดเชียงใหม่และในอนาคตจะเป็นศูนย์คลังน้ำมันเพื่อกระจายน้ำมันไปภาค เหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนการตั้งโรงงานผลิตเอทานอลที่จังหวัดกำแพงเพชร ทำให้บริษัทน้ำมันสามารถผสมเอทานอลกับน้ำมันเบนซินเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ เพื่อจำหน่ายในภูมิภาคดังกล่าวได้ เป็นการลดต้นทุนขนส่งที่ซ้ำซ้อนให้กับบริษัทน้ำมันทั้งหลาย
“แนวทางการหาพันธมิตรของเรา คือ ต้องการร่วมทุนกับบริษัทที่มีใบอนุญาตหรือบริษัทที่อยู่ในระหว่างการก่อ สร้าง โดยก่อนหน้านี้ได้มีการเจรจากับบริษัท 2 ราย แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และในที่สุดเราก็พบพาร์ทเนอร์ ซึ่งมีศักยภาพดี มีตำแหน่งที่ตั้งของโรงงานเหมาะสม มีความพร้อมทางด้านวัตถุดิบ และสาธารณูปโภค ซึ่งภายหลังจากที่ได้มีการศึกษาข้อมูลมาระยะหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายจึงได้ตกลงนาม MOU หรือบันทึกความเข้าใจในการร่วมศึกษาการลงทุนร่วมกันในการก่อสร้างโรงงานผลิต เอทานอลที่กำลังการผลิต 200,000 ลิตรต่อวัน โดยใช้วัตถุดิบมันสำปะหลังและกากน้ำตาล และคาดว่าภายหลังการลงนามจะใช้เวลาในการศึกษาความเหมาะสมในการลงทุนประมาณ 3 เดือน ซึ่งจะได้ข้อสรุปการศึกษาได้ภายในไตรมาสแรกของปีหน้า และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างโรงงานภายในปี 59 หรือ 60 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 61 และจะทำให้กำลังการผลิตเอทานอลของบริษัทในปี 61 เพิ่มเป็น 140 ล้านลิตร/ปี ทั้งนี้บริษัทประเมินเงินลงทุนไว้ที่ 1.5 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการพูดคุยสัดส่วนการถือหุ้นกับพันธมิตร โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัท และเงินกู้สถาบันการเงิน ซึ่งบริษัทมีความสามารถในการกู้ยืมค่อนข้างมาก เนื่องจากมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำกว่า 1 เท่า" นายสมชาย กล่าว
ส่วนแผนการส่งออกเอทานอลไปยังประเทศฟิลิปปินส์ปัจจุบันบริษัทได้ชะลอแผนออกไปเป็นปี 60 จากเดิมที่คาดว่าจะเห็นความชัดเจนไนปี 59 เนื่องจากบริษัทมองว่าราคาขายเอทานอลในต่างประเทศยังอยู่ในระดับต่ำกว่าราคาขายในประเทศ เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับลดลง และเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว ทำให้ยังมีความเสี่ยงค่อนข้างมากในการขยายตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศ
นายสมชาย กล่าวว่า ในปี 59 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมที่ 2.7-2.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าอยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายเอทานอลในปีหน้าเพิ่มขึ้น 5% และแนวโน้มปริมาณการใช้เอทานอลในปี 59 คาดว่าจะเติบโต 3% จากปีนี้ที่ 3.8 ล้านลิตร/วัน นอกจากนี้ในปี 59 บริษัทจะมีการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 95% หรือมาอยู่ที่ 114 ล้านลิตร/ปี จากปีนี้ใช้กำลังการผลิต 90% หรืออยู่ที่ 103 ล้านลิตร/ปี ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นในปี 59
ขณะเดียวกันบริษัทจะพยายามรักษาระดับอัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีนิติบุคคล ค่าเสื่อม และค่าจัดจำหน่าย (EBITDA Margin) ให้อยู่ไม่ต่ำกว่า 16% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับปีนี้ โดยจะพยายามควบคุมต้นทุนการผลิตเอทานอลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในภาวะที่ราคาเอทานอลลดลงตามแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ซึ่งบริษัทประเมินราคาเอทานอลในปี 59 จะทรงตัวจากสิ้นปีนี่ที่คาดว่าอยู่ที่ 24 บาท/ลิตร
ส่วนงบลงทุนในปี 59 บริษัทตั้งไว้ 90 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการปรับปรุงโรงงานผลิตเอทานอลแห่งแรกของบริษัทที่อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตของบริษัทลงได้
สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิจะทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 5 ปี ที่เคยทำได้สูงสุดอยู่ที่ 220 ล้านบาท ซึ่งกำไรสุทธิใน 9 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 215.24 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนทั้งปีที่ 219.31 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้และยอดขายในปีนี้ แม้ว่าจะถูกกดดันจากราคาขายเอทานอลที่ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก แต่บริษัทมีการควบคุมต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ อย่างเช่น การมีโรงไฟฟ้าชีวภาพขนาด 3 MW ใชในโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลงได้ และส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 10% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 8.77%
"โรงไฟฟ้าชีวภาพเราที่มีอยู่ 3 MW เราเอาไฟไว้ใช้ในโรงงานเอง ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตเราได้บ้าง และเรายังมีความสามารถในการขยายกำลังการผลิตได้อีก 1-1.5 MW แต่เราต้องเอาส่วนเพิ่มนี้ขายเข้า FIT ซึ่งการลงทุนเราต้องนอภาครัฐจะประกาศรับซื้อไฟในพื้นที่ตรงนั้นเมื่อไหร่ก่อน แต่คงอีกนาน เพราะตอนนี้เขาโฟกัสโซลาร์ฟาร์มมากกว่า"นายสมชาย กล่าว
ด้านนายโกสินทร์ จงพัฒนสมบัติ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท แสงฟ้า ในฐานะกรรมการบริหาร บริษัท กำแพงเพชร ไบโอ เอทานอล เปิดเผยว่าความร่วมมือระหว่าง 2 บริษัท เกิดขึ้นจากความสนใจของบริษัทฯในธุรกิจเอทานอล ซึ่งจะมาช่วยเสริมศักยภาพและต่อยอดความแข็งแกร่งทางธุรกิจ
โดยบริษัทฯ มีความพร้อมของโรงงานและวัตถุดิบมันสำปะหลัง ขณะที่บริษัท ไทย อะโกร เอ็นเนอร์ยี่ฯ มีประสบการณ์ในการผลิตเอทานอล และมีฐานลูกค้าอยู่ในมือ ในขณะที่ กลุ่มบริษัทแสงฟ้า มีความเชี่ยวชาญด้านมันสำปะหลังและมันเส้น เป็นผู้ส่งออกมันสำปะหลังรายใหญ่ ของประเทศ สามารถผลิตและจัดหามันเส้น ไม่ต่ำกว่า 400,000 ตันต่อปี
ทั้งนี้โครงสร้างธุรกิจของบริษัทฯแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจการส่งออก ดำเนินกิจการส่งออกข้าว และมันสำปะหลัง 2. กลุ่มธุรกิจคลังสินค้า ดำเนินกิจการให้เช่าพื้นที่จัดเก็บสินค้าทางการเกษตร 3.กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตร ดำเนินกิจการโรงสีข้าวและลานมันสำปะหลัง ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่แหล่งเพาะปลูกข้าวและมันสำปะหลัง โดยรับซื้อวัตถุดิบจากเกษตรกรเพื่อแปรรูปส่งขายทั้งในและ ต่างประเทศ และ 4.กลุ่มธุรกิจพลังงานได้ดำเนินกิจการโรงไฟฟ้าชีวมวล ประเภท VSPP ผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อส่งขายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) โดยมีบริษัท กำแพงเพชรไบโอเพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยมีกำลังการผลิต 9.8 เมกะวัตต์ และบริษัท กำแพงเพชรไบโอเพาเวอร์ 2 จำกัด มีกำลังการผลิต 9.8 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีความพร้อมทางด้านธุรกิจเอทานอล โดยมีบริษัท กำแพงเพชร ไบโอ เอทานอล จำกัด เป็นบริษัทหนึ่งในเครือแสงฟ้า ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน(รง.4) ประเภทกิจการผลิตเอทานอลเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง กำลังการผลิต 200,000 ลิตรต่อวัน มีความพร้อมทางด้านวัตถุดิบ สามารถจัดหามันเส้นได้ไม่ต่ำกว่า 400,000 ตันต่อปี โดยมีลานมันขนาดใหญ่รองรับการแปรรูป 2,000 ตันต่อวัน ด้วยเครื่องมือและเครื่องจักรที่มีคุณภาพ ทางด้านที่ตั้งและขนาดที่ดินในการจัดตั้งโรงงานเอทานอล มีพื้นที่ก่อสร้างโรงงานกว่า 500 ไร่ ตั้งอยู่ที่ อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งไม่อยู่ในเขตควบคุมอาคาร โรงงาน มีโกดังสำหรับจัดเก็บมันเส้นจำนวน 2 หลัง ความจุรวมสูงสุด 800,000 ตัน ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง และมีความพร้อมทางด้านแหล่งน้ำเพื่อใช้ในการผลิต โดยมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่สามารถกักเก็บน้ำได้จำนวนมาก