หุ้น PTTEP อยู่ที่ 60.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท(+2.53%)มูลค่าซื้อขาย 141.89 ล้านบาท
หุ้น PTTGC อยู่ที่ 51 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท(+2.00%)มูลค่าซื้อขาย 74.28 ล้านบาท
หุ้น IRPC อยู่ที่ 4.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท(+2.33%)มูลค่าซื้อขาย 61.02 ล้านบาท
บล.อาร์เอชบี(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์นว่า ทิศทางราคาน้ำมันในระยะสั้นเริ่มดีดกลับ หลังส่วนต่างระหว่าง NYMEX และ BRENT กลับมาอยู่ในทิศทางตรงกันข้าม ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนจากการที่สหรัฐฯ เปิดทางให้มีการส่งออกน้ำมันในรอบ 40 ปี ประกอบกับสต๊อกน้ำมันดิบที่ปรับลดลงมากกว่าคาดในการประกาศเมื่อคืนนี้ น่าจะเป็นแรงส่งในระยะสั้นให้น้ำมันดีดกลับขึ้นไป แถว ๆ $40 ในช่วงสิ้นปีนี้ เพราะฉะนั้นคาดว่าหุ้นในกลุ่มพลังงาน เช่น PTT, PTTEP, PTTGC, TOP, IRPC น่าจะมีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาหนุนในระยะสั้นได้
ด้านบล.ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) แนะ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีอย่าง PTT PTTEP PTTGC TOP BCP IRPC IVL ซึ่งคาดว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาในวันนี้จากปัจจัยบวกเมื่อคืนนี้ที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นแรง 1.36 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ +3.8% มาปิดที่ 37.5 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นผลมาจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบออกมาลดลง 5.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 484.8 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล
นอกจากนั้นราคาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากการที่เบเกอร์ ฮิวส์ รายงาน จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐปรับตัวลดลง 3 แท่นเหลือ 538 แท่นในสัปดาห์นี้ โดยให้ PTTGC เป็น top pick ของการฟื้นตัวในรอบนี้ เนื่องจากราคาหุ้นยัง laggard หุ้นในกลุ่มและยังมี upside สูงถึง 25% จากราคาเป้าหมายที่ 62.50 บาท