อีกทั้งยังมีเม็ดเงินจากการซื้อกองทุน LTF และ RMF ในช่วงปลายปี และการทำ Window Dressing ก่อนปิดงบปลายปีนี้ของนักลงทุนสถาบัน
ส่วนปัจจัยที่มองว่ายังคงกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทย คือการส่งสัญญาณชัดเจนว่าธนาคารกลางสหรัฐจะทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งส่งผลกระทบกับ Fund flow รวมทั้งราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากภาวะอุปทานล้นตลาด โดยมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำต่อเนื่องในปี 2559
ด้านนายชัยยศ จิวางกูรผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก จำกัด ประเมินกลยุทธ์การลงทุนใน SET ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะแกว่งตัวในกรอบ 1,250 – 1,300 จุด และมีปริมาณการซื้อขายเบาบางลง เนื่องจากใกล้ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งนักลงทุนต่างชาติชะลอการลงทุน อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีเม็ดเงินจาก LTF-RMF และการทำ Window dress ก่อนปลายปีจะเป็นแรงหนุนไม่ให้ดัชนีปรับลงลึกมาก
ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุน Selective Buy ในกลุ่มที่ปัจจัยบวกสนับสนุน ได้แก่ กลุ่มขนส่งและโรงแรม ได้ประโยชน์จากช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวและราคาน้ำมันที่ลดลง ช่วยให้ต้นทุนเชื้อเพลิงต่ำลง แนะนำ AOT, BA ,AAV, THAI, CENTEL และ MINT เช่นเดียวกับกลุ่มค้าปลีก ที่เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการจับจ่ายใช้สอยปลายปี และมาตรการภาษีกระตุ้นการใช้จ่าย แนะนำ HMPRO BIGC ROBINS CPN, COM7 และ SPVI
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก จำกัดเปิดเผยว่า ราคาทองคำเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมา จากการปรับตัวลงแรงในช่วงก่อนหน้า เพราะกังวลกรณี เฟด มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมช่วง 15-16 ธันวาคม ที่ผ่านมาโดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% อยู่ในช่วง 0.25-0.50% ซึ่งการปรับลงแรงของราคาทองได้ส่งผลให้มีเงินลงทุนบางส่วนไหลเข้ามาเก็งกำไรในทองคำ
ประกอบกับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงหลังการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นมีมติว่าจะยังคงใช้นโยบายในการเพิ่มฐานเงินที่อัตราราว 80 ล้านล้านเยนต่อปีผ่านทางการซื้อสินทรัพย์ และธนาคารกลางเยอรมนีเปิดเผยว่าเศรษฐกิจเยอรมนียังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามราคาทองคำเริ่มย่อตัวลงเล็กน้อยจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐจากรายงานตัวเลขจีดีพีขั้นสุดท้ายสำหรับไตรมาส 3 ของปีนี้ขยายตัว 2.0% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.9% และสูงกว่าระดับ 0.6% ในไตรมาสแรก และตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 3 ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนลดการลงทุนทองคำแต่คาดว่าจะเป็นการพักตัวช่วงสั้นก่อนขึ้นรอบใหม่เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลงเนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรค่าเงินก่อนที่จะถึงเทศกาลวันหยุดยาว
ดังนั้น ประเมินแนวโน้มราคาทองคำโลกด้านเทคนิคจะฟื้นตัวจากฐานแนวรับDOUBLE BOTTOM ด้วยการต่อยอดขาขึ้นด้วยแท่งเทียน BULLISH ขึ้นมาผ่านยืนแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน และค่าสัญญาณ RSI ที่ปรับขึ้นจากการเกิดสัญญาณขัดแย้งขาขึ้นขณะที่มีการหักล้างสัญญาณ DEAD CROSS ทำให้ราคามีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นต่อตามแนวรูปแบบ W-SHAPE โดยให้แนวรับ 1,045- 1,050 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,100-1,105 เหรียญต่อทรอยออนซ์