PTT เปิดแผน 5 ปี ลงทุนระมัดระวัง-บริหารเงินสด-ลดผูกขาด NGV

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 28, 2015 10:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT) เปิดแผนลงทุน 5 ปี (ปี 59-63) ยังคงเป็นไปอย่างระมัดระวังท่ามกลางภาวะราคาน้ำมันที่ประเมินว่าจะยังอยู่ระดับต่ำในช่วง 3 ปีจากนี้ โดยจะเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพในกิจการที่มีศักยภาพที่ดี ขณะที่การพิจารณาใช้จ่ายงบลงทุนจะต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าระหว่างการขยายกำลังการผลิตเอง หรือการซื้อกิจการที่มีปัญหาเพื่อมาพัฒนาต่อ พร้อมเน้นบริหารเงินสดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยืนยันยังเดินหน้าลงทุนเพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานเล็งสร้างคลัง LNG ระยะที่ 2 ,ท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 5 รวมถึงลดการผูกขาดธุรกิจ NGV

สำหรับแผนลงทุน 5 ปี ที่ราว 3 แสนล้านบาท เป็นไปตามการประเมินทิศทางราคาน้ำมันใน 2 แนวทาง(Scenario) ได้แก่ กรณีระดับฐานใหม่ของราคาน้ำมัน (new normal) ราคาน้ำมันดิบปี 59 จะอยู่ที่ 42 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และขยับขึ้นไปเป็น 44-45 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลช่วง 3 ปี กรณีราคาน้ำมันระดับปานกลาง(moderate return) คาดว่าราคาน้ำมันดิบในปี 59 อยู่ที่ 54 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และเพิ่มขึ้นเป็น 58 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปีถัดไป และมาที่ 62 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปีที่สาม

"แนวทางใหญ่ๆของการทำตามแผนงานทำเป็น Scenario ไม่ได้ทำแผนงานเดียว ถ้าเป็น new normal ก็ต้องเจียมเนื้อเจียมตัวหน่อยเพราะราคาไม่ค่อยสูง ก็จะลงทุนคิดอะไรให้รอบคอบ บางโครงการอาจจะไม่คุ้มเพราะราคาน้ำมันต่ำ ถ้าเป็น moderate return อาจจะลงทุนได้มากขึ้น เราจะโฟกัสกิจการที่ perform ดีและเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่ม การขยาย การพัฒนาประสิทธิภาพจากสิ่งที่ทำได้ดีอยู่แล้ว ส่วนที่มีปัญหาก็จะหาวิธีการ maintain หรือจะขายก็แล้วแต่ แต่จะไม่พยายามเข้าไปลงทุนอะไรที่เป็นไปไม่ได้ เราจะโฟกัสสิ่งที่เป็นไปได้"นายเทวินทร์ กล่าว

นายเทวินทร์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังจะให้ความสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพ โดยใช้สิ่งที่มีอยู่ให้เต็มศักยภาพ ทั้งในส่วนของการลงทุนไปแล้ว ทั้งเครื่องจักร,โรงงานก็จะใช้ให้เต็มที่ พยายามลดการหยุดโรงงานนอกเหนือจากแผนซ่อมบำรุง ซึ่งจะเป็นการลดต้นทุนการบริหาร ขณะที่การพิจารณาใช้จ่ายเรื่องของงบลงทุน จะพิจารณาเทียบกันระหว่างการขยายกำลังการผลิตเองด้วยการก่อสร้างใหม่ หรือการซื้อกิจการที่มีปัญหาเพื่อนำมาพัฒนาใหม่ว่ากรณีใดจะมีความคุ้มค่ามากกว่ากัน ตลอดจนการบริหารกระแสเงินสดให้เหมาะสม โดยมองว่าภายใต้ภาวะที่เป็น new normal ก็จะยังสร้างกระแสเงินได้ แต่จะต้องไม่ใช้จ่ายจนไม่ได้ระมัดระวังเกินเหตุ ซึ่ง ณ วันนี้กลุ่มปตท.ถือว่ามีสถานะเข้มแข็งพอสมควร เพราะได้สะสมกระแสเงินสดไว้ในอดีตที่ผ่านมาค่อนข้างมากราว 1 แสนล้านบาท โดยที่ยังไม่มีการลงทุนใหม่ขนาดใหญ่มากนัก

สำหรับสิ่งที่เป็นการลงทุนใหญ่ในช่วง 5 ปีข้างหน้าของปตท.จะเป็นการลงทุนเพิ่มเรื่องความมั่นคงด้านพลังงาน ในส่วนของก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) ที่จะขยายกำลังการผลิตของคลัง LNG ระยะแรก เฟส 2 เป็น 10 ล้านตัน/ปี ยังคงเดินหน้าต่อเนื่องตามแผน และพร้อมที่จะก่อสร้างคลัง LNG ระยะ 2 ขนาด 7.5 ล้านตัน/ปี รวมถึงการสร้างคลัง LNG ประเภทเรือลอยน้ำ FSRU (Floating Storage & Regasification Unit:FSRU)ในพื้นที่ทางใต้ของไทย และในเมียนมาร์ ขนาดแห่งละ 3-4 ล้านตัน/ปีด้วย โดยเรื่องดังกล่าวยังต้องรอการอนุมัติจากรัฐบาลต่อไป ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 5 ปีนี้

เบื้องต้นเห็นว่า LNG จะเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าของไทยในระยะ 15 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าจะต้องมีการนำเข้าเพิ่มเป็น 50% จากปัจจุบันที่ 4-5% ของการใช้ก๊าซฯในไทย ขณะที่ภาวะตลาด LNG ปัจจุบันนับว่ามีส่วนเพิ่มในตลาดมาก จึงเป็นโอกาสของผู้ซื้อที่จะเจรจาเพื่อทำสัญญาระยะยาว เพราะสหรัฐเริ่มทยอยผลิต LNG ส่งออกบ้างแล้ว ดังนั้น ซึ่งนอกเหนือจากการเจรจาเพื่อทำสัญญาระยะยาวเพื่อใช้ในประเทศแล้ว ยังมองโอกาสที่จะร่วมมือกับผู้ใช้ LNG รายใหญ่ในภูมิภาคเพื่อร่วมกันจัดหา LNG และสร้างรายได้จากตลาดในภูมิภาคด้วย

นายเทวินทร์ กล่าวอีกว่า ในด้านของระบบท่อขนส่งก๊าซฯปัจจุบันได้เดินหน้าท่อก๊าซฯเส้นที่ 4 เสร็จเรียบร้อยแล้ว และจะมีการก่อสร้างท่อก๊าซฯเส้นที่ 5 ในอนาคต หลังรัฐบาลได้อนุมัติโครงการแล้ว โดยจะมีสองส่วน โดยส่วนแรกจะเชื่อมโยงจากฝั่งตะวันออกของคลัง LNG เชื่อมโยงมายังภาคกลาง และจากภาคกลางต่อไปฝั่งตะวันตก ซึ่งจะทำให้การส่งก๊าซฯผ่านท่อครบรอบจากฝั่งตะวันออกไปฝั่งตะวันตก ซึ่งจะให้ระบบมีความเข้มแข็งและแข็งแรงมากขึ้น

สำหรับธุรกิจก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) นั้น ปตท.ก็มีโอกาสที่จะลดการผูกขาดทางธุรกิจลง หลังคาดว่าระดับราคาขายจะสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงได้ในช่วงเดือนเม.ย.59 ที่คาดว่าราคาก๊าซฯจะปรับตัวลงมาทำให้ต้นทุนการผลิต NGV จะอยู่ที่ระดับราว 14 บาท/กิโลกรัม ใกล้เคียงกับราคาจำหน่าย NGV ในปัจจุบัน ทำให้โอกาสของการลอยตัวราคามีมากขึ้น ปตท.ก็จะหยุดการขยายกิจการสำหรับ NGV ซึ่งจะเป็นโอกาสให้เอกชนเข้ามาทำธุรกิจมากขึ้น

"แนวทางธุรกิจของปตท.ก็จะหยุดการขยายกิจการ NGV ที่ทำโดยปตท. ที่จะไปเปิดปั๊ม NGV ทั่วประเทศ ที่มีอยู่แล้วจะรักษาไว้เพื่อให้ผู้บริโภคมาเติม ต่อไปจะเปิดโอกาสให้เอกชนมาซื้อก๊าซฯจากแนวท่อ เป็นขายแบบ holdsale ขนส่งไปแล้วเปิดสถานีบริการเอง จะทำให้เอกชนมีส่วนร่วมในการทำธุรกิจ NGV มากขึ้น วันนี้ทำยากเพราะราคาขายข้างนอกจะต่ำกว่าต้นทุนจากแนวท่อ แต่เมื่อรัฐบาลยกขึ้นมาให้สอดคล้องกับต้นทุน เอกชนก็มีโอกาสที่จะทำธุรกิจนี้มากขึ้น NGV จะเห็น player มากขึ้น ถ้าเป็นที่น่าสนใจก็จะแพร่หลายได้มากขึ้น และปตท.ก็จะลดบทบาทของการผูกขาด NGV"นายเทวินทร์ กล่าว

นายเทวินทร์ กล่าวอีกว่า บทบาทของกลุ่มปตท.ยังจะเน้นการเป็นกิจการขนาดใหญ่เพื่อสังคม (social enterprise)ด้วย โดยในธุรกิจไฟฟ้ามองหาการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนโดยไม่ได้มีเจตนาสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่เพื่อแข่งขัน รวมถึงจะสนับสนุนในส่วนของการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะด้วย ขณะที่ธุรกิจน้ำมัน จะพัฒนาในส่วนของนอนออยล์ เพื่อให้ลูกค้าที่มาใช้บริกรมีความพึงพอใจในระดับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมาตรฐานหลังล่าสุดมีร้านกาแฟอเมซอน,เท็กซัสชิคเก้น และก๋วยเตี๋ยวเรือใจดี รวมถึงในอนาคตจะสนับสนุนให้นำผลิตภัณฑ์ชุมชนมาจำหน่ายในสถานีบริการน้ำมันด้วย

ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ก็จะมีการศึกษาการนำพลังความเย็นตามแนวท่อก๊าซฯ มาพัฒนาพืชพันธุ์ไม้เมืองหนาว โดยมุ่งให้ชุมชนเข้ามีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของกิจการด้วย เป็นต้น

สำหรับโอกาสทางธุรกิจเทรดดิ้งของปตท.ก็จะใช้จังหวะที่ปริมาณน้ำมันล้นตลาดนั้น เพื่อจัดหาน้ำมันคุณภาพดีมาใช้ในไทย และใช้เป็นโอกาสในการซื้อมาขายไปภายนอกประเทศด้วย ส่วนธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี ก็จะศึกษาการสร้างประโยชน์ร่วม(Synergy)ระหว่างสายผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท และมองโอกาสต่อยอดในผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพ เช่น ในสายโพรพิลีน รวมถึงธุรกิจไบโอพลาสติก เป็นต้น ขณะที่ในส่วนของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ก็จะมีความร่วมมือที่ใกล้ชิดมากขึ้นกับธุรกิจก๊าซฯของปตท.ซึ่งเป็นตลาดของธุรกิจสำรวจและผลิตโตรเลียม

นายเทวินทร์ ยังได้กล่าวถึงธุรกิจถ่านหินในอินโดนีเซียว่า ปัจจุบันสภาวะการณ์ธุรกิจถ่านหินยังไม่ดีนัก ก็มีการพิจารณาว่าส่วนหนี่งอาจจะมีโอกาสทางธุรกิจเหมือนกันและหากมองว่าน่าสนใจและต้องการทำต่อก็จะอยู่ในงบแผนลงทุนใหม่ที่บริษัทได้จัดสรรไว้ราว 20% ของงบลงทุนช่วง 5 ปี แต่หากพบว่าไม่น่าสนใจก็จะยังรักษาไว้ หรือจะขายก็ได้หากมีผู้สนใจ


แท็ก (PTT)   ปตท.   NGV  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ