บมจ. บีที เวลธ์ อินดัสตรีส์ ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) มีการลงทุนในบริษัทย่อย โดยมี บริษัท เบสท์เทค แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (เบสท์เทค)เป็นบริษัทแกน (Core Company) ประกอบธุรกิจให้บริการแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็กและโครงสร้างเหล็ก (Steel Fabrication) ตามความต้องการและข้อกำหนด(Specification) ของลูกค้า โดยชิ้นงานจะถูกนำไปประกอบติดตั้ในงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น เหมืองแร่ ก๊าซและปิโตรเลียม และพลังงาน
เบสท์เทคมีศักยภาพในการรับงานได้หลากหลายประเภท และได้คุณภาพตามมาตรฐานสากล ตั้งแต่งานแปรรูปชิ้นงานเหล็ก (Parts Fabrication) ที่การผลิตต้องอาศัยความรู้และความชำนาญเฉพาะด้าน เช่น งานระบบท่อ (Piping System Fabrication) งานแปรรูปและประกอบถังทนแรงดันและถังบรรจุ (Pressure Vessels and Storage Tanks) และงานโครงสร้าง (Structural Steel Fabrication) รวมไปถึงงานแปรรูปและประกอบกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่ (Modularization) ซึ่งเป็นงานโครงการขนาดใหญ่ มีความซับซ้อนในเชิงกระบวนการผลิตและการบริหารจัดการ
กลุ่มลูกค้าของเบสท์เทคมีทั้งที่เป็นผู้รับเหมาหลักของโครงการ (EPC Contractor) และเจ้าของโครงการ (Project Owner) เบสท์เทคสามารถให้บริการลูกค้าได้ทั้งภายในและต่างประเทศ
ส่วนบริษัทย่อยอีก 3 บริษัทยังไม่ได้ดำเนินกิจการแต่อย่างใด ได้แก่ บริษัท บีที แอนด์ อาวล์ โซลาร์ 1 จำกัด (บีทีอาวล์) รองรับการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และ/หรือพลังงานหมุนเวียนอื่น, บริษัท เบสท์เทค อินดัสตรีส์ จำกัด (บีทีไอ)เพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิตของธุรกิจให้บริการแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็กและโครงสร้างเหล็ก (Steel Fabrication) โดยอยู่ระหว่างยื่นขอรับสิทธิประโยชน์จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
และ บริษัท โกลบอล คลีน เอ็นเนอร์จี จำกัด (โกลบอลคลีน) อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาคัดเลือกเข้าร่วมโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตรจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในปริมาณรับซื้อที่ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งไม่เกิน 5 เมกะวัตต์ จำนวน 1 โครงการ
สำหรับงบรวมของบริษัท ณ วันที่ 30 ก.ย.58 มีสินทรัพย์รวม 1,429.88 ล้านบาท หนี้สินรวม 518.01 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 911.87 ล้านบาท โดยในงวด 9 เดือนแรกของปี 58 มีรายได้จากการรับจ้างผลิต 1,533.02 ล้านบาท กำไรสุทธิ 505.57 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้จากการรับจ้างผลิต 1,358.68 ล้านบาท กำไรสุทธิ 325.28 ล้านบาท
ณ วันที่ 17 ธ.ค.58 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 378 ล้านบาท เรียกชำระแล้ว 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท และภายหลังจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 312 ล้านหุ้นให้แก่ประชาชนในครั้งนี้ บริษัทจะมีทุนชำระแล้วเพิ่มเป็น 378 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,512 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ณ วันที่ 17 ธ.ค.58 คือ นางศิริพร ศาตวินท์ ถือหุ้น 492 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 41% รองลงมาคือ นายโชติก รัศมีทินกรกุล ถือหุ้น 300 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 25%
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการ หลังหักสำรองตามกฎหมาย และสำรองอื่นๆ